มหาทุคตะ

วันที่ 25 พค. พ.ศ.2563

มหาทุคตะ

 

 

 

แสง ธรรมสว่างล้ำ    

แสงไหน

แสง ส่องออกไปไกล

ใหญ่กว้าง

แสง ส่องภพภูมิใด

เห็นหมด

แสง นี่แหละจักล้าง

มืดพ้นมนตร์มาร

                                                                                                                                                     ตะวันธรรม

 

                     ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบา ๆ พอสบาย ๆ ทำใจให้เบิกบาน แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใสแล้วก็หยุดใจไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้องของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ

 

                    แล้วก็ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดอยู่ในกลางดวงใส ๆ หรือตรึกนึกถึงพระแก้วใส ๆ หยุดอยู่ในกลางพระแก้วใส ๆ อย่างใดอย่างหนึ่งนะ พร้อมกับประคองใจให้หยุดนิ่ง ด้วยบริกรรมภาวนา สัมมา อะระหัง อย่างสบาย ๆ

 

                   ทำใจให้เบิกบาน แช่มชื่น แล้วก็อย่าไปสนใจอากาศจะอบอ้าวอย่างไร ที่นั่งจะไม่นุ่มก็อย่าไปสนใจ

 

                   เราจะต้องฝึกหยุดใจให้ได้ในทุกสภาวะอากาศ ทุกสถานที่เพราะการหยุดใจนำมาซึ่งความบริสุทธิ์ผ่องใสของใจทำให้เราเข้าถึงความสุขที่แท้จริง และเป็นทางมาแห่งบุญของเราด้วยบุญที่เกิดจากการหยุดใจนี้จะไปดึงดูดทุก ๆ บุญที่เราทำผ่านมาให้มาบังเกิดขึ้นภายในตัวเรา บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตของเราในทุก ๆ ระดับ มีบุญมากอุปสรรคก็น้อย มีบุญน้อยอุปสรรคก็มาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบุญและบาปเท่านั้น จับหลักตรงนี้เอาไว้ให้ได้

 

                  ตอนนี้เราก็ประคองใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงดวงธรรมภายในให้ได้ ถ้ายังเข้าไม่ถึง ชีวิตยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่ปลอดภัยอย่างแท้จริง เราจะต้องมีหลักยึดของใจไว้ตลอดเวลา ภายนอกเคลื่อนไหว ภายในหยุดนิ่ง ข้างนอกแม้เคลื่อนไหวอย่างไรก็ตาม ข้างในต้องหยุดนิ่ง กิจกรรมในโลกมนุษย์ส่วนใหญ่มักจะ
เคลื่อนไหว แต่ใจเราก็อย่าให้ไหวตาม อย่างนี้ชีวิตจึงจะสมบูรณ์ความทุกข์จะได้ไม่ครอบงำใจเรา แม้ทุกข์มากเราก็จะทุกข์น้อยกว่าคนอื่นเขา ทุกข์น้อยก็จะไม่มีทุกข์

 

                  การปฏิบัติธรรม จะต้องทำให้ได้ทุกวัน อย่าได้ขาดเลยแม้แต่เพียงวันเดียว ไม่ว่าเราจะเจ็บป่วยไข้ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็ตาม อย่าให้สิ่งเหล่านี้มาเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม

 

                  การปฏิบัติธรรม คือ กรณียกิจ กิจที่ควรกระทำหรือต้องทำ เป็นงานที่แท้จริงของชีวิตที่เราเกิด
มาเป็นมนุษย์ นอกนั้นเป็นงานรองลงมา ถ้าเรามัวแต่ทำมาหากินอย่างเดียว แม้มีทรัพย์เป็นแสนล้านก็จะไม่ได้พบกับความสุขที่แท้จริงเลยมีแต่ความสุขหลอก ๆ ที่มีคนมาพะเน้าพะนอหรือเรามีวัตถุสนองความต้องการของใจได้บ้างแต่มันก็ไม่สมบูรณ์ การปฏิบัติธรรมนี้ แม้ทรัพย์ภายนอกจะน้อย แต่ชีวิตของเราจะเต็มเปี่ยม
ไม่ได้ชื่อว่าเป็นคนยากจนเลย

 

                 เหมือนขอทานคนหนึ่งในสมัยพุทธกาลเรียกว่า มหาทุคตะ(สุปปพุทธกุฏฐิ) ท่านได้ฟังธรรมจากพระบรมศาสดา แล้วก็ได้บรรลุธรรมเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ชีวิตก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมีความสุข มีความเบิกบาน ที่มีพระรัตนตรัยปรากฏในกลางกาย

 

                ความรู้สึกว่า เราขาดแคลนหรือยากจนมันหมดไป เหมือนเรามีทรัพย์มากมายมหาศาลกว่าเศรษฐีคนใดในเมืองหรือในโลก มันอิ่มอกอิ่มใจมาก มีความเบิกบานมาก ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ คับแค้นใจก็หมดสิ้นจากใจ ไม่มีความรู้สึกชนิดนั้น จนกระทั่งเรื่องนี้ไปถึงท้าวสักกเทวราช หรือพระอินทร์ผู้ปกครอง

 

                ภพดาวดึงส์ เพราะอาสนะที่เคยนุ่มนวลกลับแข็งกระด้าง ท่านก็เลยสอดส่องทิพยจักษุลงมาใน

เมืองมนุษย์

 

                เมื่อทราบว่า ต้นเหตุเกิดขึ้นเพราะมหาทุคตะได้พ้นจากภาวะความรู้สึกว่ายากจน แม้ขาดแคลนโลกียทรัพย์ แต่กลับมีความรู้สึกว่าร่ำรวยและรู้สึกว่ายิ่งใหญ่ เบิกบาน ก็อยากจะไปทดสอบดู ถึงกับต้องลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากจะลงมา เพราะในเมืองมนุษย์เป็นสถานที่ที่ไม่เป็นที่บันเทิงของชาวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะกลิ่นกายของมนุษย์มันเหม็นเหมือนเอาสุนัขเน่ามาผูกคอ แต่ก็สามารถดึงดูดให้
พระอินทร์ผู้ปกครองเทวดาทั้งหลายลงมาเพื่อทดสอบดู

 

               มาเห็นหน้าตามหาทุคตะดูเบิกบาน ดูไม่ออกเลยว่าเป็นขอทาน หรือเป็นคนยากจนที่สุดในเมือง แต่ก็อยากจะทดลองดูว่า โดยปกติขอทานทั่วไปจะปรารถนาทรัพย์ ถ้าให้ทรัพย์แค่ปริมาณมากกว่าที่ขอทานเคยได้รับ ก็จะสร้างความเบิกบานใจแก่ขอทานเป็นอย่างยิ่ง แต่วันนี้จะทดลองให้ทรัพย์มากกว่านั้นจึงได้กล่าวกับมหาทุคตะผู้ได้บรรลุพระธรรมกายภายใน เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวว่า “ขอเพียงท่านมหาทุคตะกล่าวว่า พระ
รัตนตรัยไม่มีจริงและก็ไม่ดีจริง อยากจะได้ทรัพย์อะไร เราจะหามาให้”

 

              มหาทุคตะถามกลับไปว่า “ท่านเป็นใคร ทำไมถึงมาพูดอย่างนี้กับเราผู้เข้าถึงพระรัตนตรัย ใจเราไม่ได้ง่อนแง่นคลอนแคลนในพระรัตนตรัยเลย เพราะเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระรัตนตรัย เราหายสงสัยแล้วในการที่ว่า พระรัตนตรัยมีจริงหรือ ดีจริงไหม เพราะเราเป็นตัวพระรัตนตรัยเอง รู้ว่ามีจริง แล้วก็ดีจริง ๆ”

 

             พระอินทร์เห็นว่าหลบไม่พ้น จึงบอกว่า “เราคือท้าวสักกเทวราช”

 

             มหาทุคตะกล่าวว่า “ท่านก็เป็นถึงพระราชาแห่งเทวดา ก็รู้อยู่ทำไมมาถามอย่างนี้ ให้ออกไปไกล ๆ” ในที่สุดพระอินทร์ก็เสด็จกลับดาวดึงส์ไปด้วยความปลื้มปีติ เพราะว่าได้รับคำตอบจากผู้ที่เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ยืนยันอย่างองอาจ มีปีติและก็เบิกบาน

 

ความพร้อมไม่มีในโลก            

 

              การเข้าถึงพระรัตนตรัยนี้เป็นกรณียกิจ เป็นงานที่แท้จริงของเราที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เมื่อชีวิตเราจำเป็นจะต้องดำรงอยู่ด้วยปัจจัย ๔ ซึ่งจะต้องได้มาจากการทำมาหากิน เราก็อย่ามัวไปทำมาหากินอย่างเดียว ควรทำทั้งสองภารกิจกับจิตใจให้ควบคู่กันไป ชีวิตจึงจะสมบูรณ์

 

              ถ้าหากเราจะรอคอยให้ชีวิตมีความพร้อมจะต้องรวยก่อน ต้องว่างก่อน ต้องปลดกังวลเสียก่อนแล้วค่อยทำ บางทีความตายก็มาพรากเราไปเสียก่อน เราไม่มีโอกาสจะอยู่ถึงวันที่เราพร้อม แล้วความพร้อมอย่างนั้นมันเป็นความฟุ้งฝัน บางคนก็ได้มาจริง บางคนก็ไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะไม่ได้อย่างที่ตัวหวังเอาไว้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องพร้อมเสมอในการที่จะทำสองอย่างควบคู่กันไป

 

             วันใดที่เราได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว วันนั้นจะเป็นวันมหาปีติ จะมีความสุขที่ยิ่งใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปสู่ภาวะของผู้รู้ บัณฑิต นักปราชญ์ ที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง เป็นแสงสว่างให้กับทุก ๆ คนที่เข้าใกล้

 

              ดังนั้น ให้ลูกทุกคนตั้งใจปฏิบัติธรรมทุกวันเลย อย่าไปคำนึงถึงเรื่องดิน อากาศ ฟ้า ความพร้อม ความปลอดกังวลจากเครื่องพันธนาการของชีวิต หรือจะไปคอยตอนแก่อะไรอย่างนี้

 

              การทำสมาธิตอนแก่มันสู้ทำตอนมีเรี่ยวมีแรงไม่ได้ เพราะมนุษย์มีข้อจำกัด ตอนเราสูงอายุ เรามีความพร้อมเรื่องทรัพย์เป็นอิสระทางการเงิน แต่ว่าไม่เป็นอิสระจากโรคภัยไข้เจ็บ และ ความอ่อนแอของร่างกาย เพราะสังขารมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา

 

              การปฏิบัติธรรมก็ต้องอาศัยความแข็งแรงของร่างกายด้วยถ้าร่างกายไม่มีความพร้อมจะปฏิบัติธรรมให้ดีเยี่ยมนั้น ไม่ใช่ง่าย จะมีผู้เฒ่าบางท่านเท่านั้นที่สมหวังจากการปฏิบัติธรรมในบั้นปลายของชีวิต แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะไม่ประสบความสำเร็จพราะข้อจำกัดของมนุษย์ ที่สังขารมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา

 

              ดีที่สุดก็คือในวัยที่เรายังแข็งแรงอยู่ แม้จะยังไม่เป็นอิสระทางการเงิน หรือความปรารถนาของเราก็ตาม แต่ความแข็งแรงนี้เป็นลาภอันประเสริฐสำหรับชีวิตของผู้รู้ เมื่อทราบว่าเกิดมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ก็จะอาศัย ความแข็งแรงประกอบกรณียกิจ กิจที่เป็นงานที่แท้จริงของชีวิตในทุก ๆ ภพชาติที่เกิดมาเป็น
มนุษย์คือการปฏิบัติธรรม ฝึกใจของเราให้หยุดนิ่ง

 

เราไม่ได้ แล้วใครจะได้     

        

             ลูกทุกคนเป็นผู้มีบุญ ได้มาถึงจุดที่เรามีความพร้อมที่จะปฏิบัติธรรม

 

             เรามีบุญ ที่รู้ว่าพระรัตนตรัยมีอยู่ในตัวของเราจริง ๆ เป็นของดีจริง เราสามารถเข้าถึงได้ด้วยความเพียร และการทำถูกหลักวิชชา

 

             ลูกมีบุญ ที่รู้ว่าเราจะเริ่มต้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เพื่อที่จะเข้าไปถึงพระรัตนตรัยในตัว

 

             มีบุญ ที่รู้โนฮาว (know-how) หยุดเป็นตัวสำเร็จ ความรู้วิธีการว่า ทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว

             มีบุญทุกอย่าง แม้ติดขัดปัญหาอะไรก็ยังมีครูบาอาจารย์คอยเป็นกัลยาณมิตรให้ คอยตอบคำถามที่เป็นข้อสงสัยในการปฏิบัติธรรมของเรา

 

              ในยามที่เราท้อใจที่ปฏิบัติธรรมไม่ได้ผลทันตาเห็น ก็ยังมีกัลยาณมิตรคอยปลุกประโลมใจ ให้กำลังใจที่จะให้เรามีความเพียรในการปฏิบัติต่อ

 

             เรามีเพื่อนสหธรรมิกเป็นจำนวนมาก ที่มีใจแน่วแน่อยากจะเข้าถึงธรรมะในตัว มีหลายท่านที่มีประสบการณ์ภายในเป็นเครื่องยืนยันว่า พระรัตนตรัยนั้นมีอยู่ภายในตัวของมนุษย์จริง ๆซึ่งเพื่อนสหธรรมิกหรือพี่น้องวงธรรมะของเรานี่แหละ ก็จะเป็นกำลังใจให้กับเรา

 

              เพราะฉะนั้น ลูกทุกคน จะพูดไม่ได้ หรือไม่ควรแม้แต่จะคิดว่า เรามีบุญน้อย มีวาสนาน้อย คงจะปฏิบัติเข้าถึงได้ยากเราไม่ควรจะคิดอย่างนี้เลย

 

              ถ้าบุญน้อยเราจะไม่ได้ยินได้ฟังหรือมาอยู่ในหมู่คณะที่เขาปฏิบัติธรรมจนมีประสบการณ์ภายในเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งดี ๆ นี้มีอยู่จริง ๆ ในตัวของเรา แล้วพี่น้องวงธรรมะของเรานั้นไม่ใช่ว่ามาจากครอบครัวของชาวพุทธอย่างเดียว ที่มาจากครอบครัวที่ไม่ใช่ชาวพุทธก็มี ที่เป็นกลาง ๆ ไม่มีศาสนาก็มี แล้วก็ลงมือปฏิบัติอย่างที่ลูกทุกคนปฏิบัตินี่แหละ แล้วก็เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว

 

              ความเชื่อแม้แตกต่างกันภายนอก จากการได้ยิน ได้ฟังได้รับการอบรมสั่งสอนมา ไม่ได้เป็นอุปสรรค ในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว เพราะสัจธรรมก็คือสัจธรรม ความจริงก็คือความจริง ความเชื่อก็คือความเชื่อ

 

               นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า ลูกทุกคนมีบุญเพียงพอที่จะเข้าถึงถ้ามีความเพียรและทำให้ถูกหลักวิชชา ให้มีสติ สบาย สม่ำเสมอหมั่นสังเกต แล้วก็สมัครใจที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้มีเพียงอย่างนี้แค่นี้เท่านั้น ลูกทุกคนก็จะต้องสมหวังกันอย่างแน่นอน

 

              เลิกคิดได้แล้วว่า เรามีบุญน้อย วาสนาน้อย หรือว่ามรรคผลนิพพาน หรือการบรรลุ ธรรมาภิสมัยนั้นมันหมดสมัยไปแล้ว นั่นมันคำกล่าวของคนเกียจคร้านที่ไม่มีความเพียร หรือผู้ที่อยู่ในวงเหล้าขี้เมาต่าง ๆ หรือผู้ที่เพลิดเพลินในโลก ไม่มีความรู้จริง ก็พูดคุยกันไปอย่างนั้นแต่ธรรมาภิสมัย หรือมรรคผลนิพพาน หรือพระรัตนตรัยในตัว ไม่ได้เป็นอย่างนั้น สิ่งนี้ยังมีอยู่รอคอยการเข้าถึงเท่านั้น เพราะฉะนั้นความเพียรและการปฏิบัติอย่างถูกหลักวิชชาจึงจะทำให้สมปรารถนาได้

 

              ถ้าลูกหยุดใจได้ จนกระทั่งเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว จนหายสงสัยแล้วว่า มีจริงและดีจริง อย่างนี้จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลก จะอยู่ในป่า ป่านั้นก็ร่มรื่น จะอยู่ในภูเขา ภูเขานั้นก็ร่มรื่นจะอยู่ในถ้ำ ถ้ำนั้นก็ร่มรื่น ถ้าถูกเขาไปปล่อยที่เกาะ เกาะนั้นก็ร่มรื่น อยู่บนเรือเดินสมุทร เรือนั้นก็ร่มรื่น จะอยู่บ้านไหน บ้านนั้นก็ร่มรื่น จะไปสู่ตระกูลอื่น ตระกูลอื่นก็รุ่งเรือง

 

            เพราะฉะนั้น การเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวจึงเป็นหลักของชีวิต ฝึกกันให้ได้ ทำกันให้สม่ำเสมอ สมัครใจที่จะเข้าถึงมีสติคู่กับสบาย สม่ำเสมอ และก็หมั่นสังเกต ทำอย่างนี้ แค่นี้

 

           เท่านั้น ลูกก็จะสมปรารถนาอย่างแน่นอน สมัครใจ สติ สบายสม่ำเสมอ สังเกต ก็จะสมปรารถนา

 

                                   พระเทพญาณมหามุนี

วันอาทิตย์ที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘

จากหนังสือ ง่ายเเต่ลึก เล่ม 2
                                                                                                โดยคุณครูไม่ใหญ่

            

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.020941583315531 Mins