ปฐมนิเทศและมอบประกาศนียบัตร

วันที่ 21 พค. พ.ศ.2550

     วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักเรียนพระอภิธรรม วัดพระธรรมกาย ได้จัดให้มีการปฐมนิเทศและมอบประกาศนียบัตรประจำปี ณ อาคารเรียน 2 ชั้น 2 โรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย เวลา 12.30 – 12.00 น. แก่นักเรียนอภิธรรมศึกษาทางไกล ชั้นปีที่ 2 และปีที่ 4 จำนวน 50 ท่าน ในพิธีในครั้งนี้ทางสำนักเรียนก็ได้จัดให้มีการถวายปัจจัยไทยธรรมแด่พระภิกษุสามเณรผู้สอบผ่านในหลักสูตรอภิธรรมบัณฑิตจำนวน 59 รูป ซึ่งเป็นปีที่ 2 ที่ได้มีการจัดมอบถวาย และได้มอบรางวัลคะแนนดีเด่น ๕ อันดับ แก่นักเรียนอภิธรรมศึกษาทุกชั้นปีอีกด้วย

     การศึกษาหลักสูตรอภิธรรมบัณฑิต เป็นการศึกษาในหลักสูตรเดิมเริ่มแรกที่เป็นระบบในประเทศไทย ซึ่งท่านพระสัทธัมมโชติกะ เป็นพระพม่า ท่านมาเปิดหลักสูตรครั้งแรกในประเทศไทยที่วัดระฆังโฆสิตาราม ในปี 2493 จัดหลักสูตรการสอบ 9 ชั้นเรียน ใช้เวลาศึกษา 7 ปี 6 เดือน ผู้ที่จบแล้ว เรียกว่า “อภิธรรมบัณฑิต” ซึ่งมีทั้งพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน

แต่เนื่องจากการศึกษาในหลักสูตรนี้ เป็นการศึกษาตามแบบแผน ต้องมีการท่องจำมาก มีการสอบข้อเขียนตามแบบ คือ เป็นแบบอัตนัย และมีสอบสัมภาษณ์ ด้วย ต้องใช้เวลาในการศึกษาในการท่องจำและทำความเข้าใจมาก ผู้ที่เรียนจึงต้องใช้ความอุตสาหะและมีศรัทธาจริง ๆ จึงจะศึกษาได้จบ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรที่จะต้องศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ครอบคลุมทั้ง ๓ ปิฎก คือ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และนำไปปฏิบัติให้สมควรแก่กำลังปัญญาบารมีของตน จากนั้นก็นำมาย่อยให้ง่าย เพื่อให้เหมาะสมแก่การนำไปใช้ นำมาสอนแก่พุทธศาสนิกชนสืบไป

บรรดาปิฎก ๓ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก ยังมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัย ตามอัธยาศัยของสัตว์ ในยุคพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จึงแสดงปิฎกทั้งสองแตกต่างกันไป ตามผู้ฟัง ส่วนอภิธรรมปิฎกนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นคำสอนที่เป็นแก่นพระพุทธศาสนา และมีความลึกซึ้งมาก ดังที่ พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี หลวงปู่วัดปากน้ำ ท่านกล่าวว่า

“ปรมัตถปิฎกนี้ เป็นเนื้อแท้ของธรรม จึงไม่ค่อยมีใครรู้แน่แท้ลงไป รู้แต่เปลือกผิวไปเสีย ท่านจึงบอกให้ตั้งใจเสียให้ดี ทั้งพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาสาธุชน จงอุตสาห์เล่าเรียนปรมัตถคัมร์อภิธรรมปิฎกนี้ให้แตกฉานชำนาญ ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา”

นับเป็นโอกาสดีที่มหาเถระสมาคมได้เมตตาแนะนำให้ วัดพระธรรมกายเปิดให้มีการศึกษาพระอภิธรรมขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีนักศึกษาพระอภิธรรมประมาณ 300 กว่าท่านแล้ว โดยในระยะแรกใช้หลักสูตร 9 ชั้น ของพระสัทธัมมโชติกะเถระใช้เวลาศึกษา 7 ปี 6 เดือน ในระยะเวลาต่อมาสำนักเรียนอภิธรรมวัดพระธรรมกายเห็นว่า หลักสูตรเดิมต้องใช้เวลาในการศึกษาและทำความเข้าใจมาก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่จะเป็นนักวิชาการ ยังไม่เหมาะกับสาธุชนทั่วๆไปที่จะศึกษาเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อการสร้างบารมี ควบคู่กันไปด้วยได้

ดังนั้นในปี พ.ศ.2544 จึงได้เริ่มทดลองเปิดหลักสูตร “อภิธรรมศึกษาเพื่อการสร้างบารมี” ขึ้นจนถึงปี พ.ศ. 2549 ทางสำนักเรียนอภิธรรมเห็นว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่สะดวกในการศึกษาในห้องเรียน ทางสำนักเรียนจึงได้เปิดหลักสูตรอภิธรรมศึกษาทางไกลขึ้น แต่ก็มีการสอนเสริมสำหรับนักศึกษาที่ต้องการความรู้เพิ่มเติมให้ในวันอาทิตย์ด้วย ปีนี้จึงเข้าปีที่ 7 แห่งการศึกษาของสาธุชนแล้ว โดยโครงสร้างเนื้อหาได้นำมาจากคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ 9 ปริเฉท เป็นบางส่วน เพื่อง่ายต่อการจัดหลักสูตร ส่วนรายละเอียดที่นำมาประกอบ ได้นำมาจากพระสูตรบ้าง พระอภิธรรมคัมภีร์อื่นบ้าง ตามความเหมาะสม

สำหรับในส่วนของผู้สนับสนุนในการศึกษานี้ก็จะได้อานิสงส์คือ 1. เป็นผู้มีส่วนแห่งปัญญาบารมี และธรรมะที่ท่านได้รู้นั้นด้วย 2. ขณะที่เราแสวงหาปัญญาความรู้ ก็จะได้ครูดี มีผู้สนับสนุนให้ความสะดวกสบายในการศึกษา ไม่ถูกกีดกันทางการศึกษา 3. ทำให้ได้ผู้มีความรู้ความสามารถมาช่วยกิจการงานน้อยใหญ่ ช่วยแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ และสำหรับผู้ที่ศึกษาเองด้วย และสนับสนุนการศึกษาด้วย ก็จะได้อานิสงส์เพิ่มเติมจาก 3 ข้อนั้นคือ เวลาศึกษาหาความรู้ ทำให้ศึกษาได้รวดเร็ว รู้แจ้งแทงตลอดมีความเข้าใจในวิชาธรรมได้เร็ว

พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นอยู่ได้นานก็ขึ้นอยู่กับพุทธบริษัท คือ ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติธรรมด้วยดี ตามศีล สมาธิ ปัญญา ได้แก่การศึกษาพระวินัยปิฎก พระสุตันตะปิฎก และ พระอภิธรรมปิฎกตามลำดับ พระอภิธรรม แก่นแท้ของสรรพธรรมที่ค้นพบด้วย พระสัพพัญญุตญาณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น เป็นสุดยอดของธรรมรัตนะทั้งปวง ผู้ที่ได้มีโอกาสศึกษาให้รู้ถึงแก่นแท้แห่งพระพุทธศาสนา ชื่อว่าได้ถือเอาสุดยอดแห่งรัตนะทั้งปวง

การศึกษาอภิธรรม ถือว่าเป็นบุญกุศลหรือความดีอย่างหนึ่ง นอกจากจะได้ปัญญาทางธรรมแล้ว ยังได้ชื่อว่า สืบอายุพระพุทธศาสนาด้วยการเล่าเรียนทรงจำและบอกกล่าว ก็จะเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ยิ่ง ๆ ขึ้นไป และจะเป็นอุปนิสัยวาสนาบารมีติดตัวไป จะเกิดชาติหน้าฉันใดก็จะเป็นผู้ที่ทรงความรู้ สมบูรณ์ด้วยสติปัญญา

     สำหรับสาธุชนที่สนใจจะสมัครเรียนในหลักสูตรอภิธรรมศึกษาทางไกล ทางสำนักเรียนอภิธรรม วัดพระธรรมกาย ก็ได้ขยายเวลาการสมัครต่อไปอีกจนถึงวันที่ 3 มิถุนายนนี้เท่านั้น โดยสมัครเรียนได้ที่เสา L8 สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย ในวันอาทิตย์ หรือ วันธรรมดาที่ โรงเรียนพระปริยัติธรรม อาคาร 1 ชั้น 2 หรือ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. (02)381-2226 , (08)9682-5450

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0011920690536499 Mins