จะแก้ไขปัญหาความลำเอียงในสังคมไทยได้อย่างไร

วันที่ 18 พค. พ.ศ.2549

 

ถาม..สังคมไทยของเราในปัจจุบัน มีปัญหาเกี่ยวกับความลำเอียงเกิดขึ้นมาก ขอความเมตตาหลวงพ่อช่วยชี้ถึงโทษ และแนะแนวทางแก้ไขความลำเอียงในตัวของคนเราด้วยครับ ?

 

ตอบ..คำว่า “ลำเอียง” ภาษาบาลีใช้คำว่า “อคติ”

 

“อ” แปลว่า ไม่

“คติ” แปลว่า ทางไป

“อคติ” แปลว่า ทางที่ไม่ควรจะไป

 

.....แต่ว่าถ้าจะอธิบายโดยใช้ศัพท์เป็นภาษาบาลีอย่างนี้ คนไทยคงเข้าใจได้ยาก ปู่ย่าตาทวดของเราท่านจึงบัญญัติศัพท์ขึ้นมาใหม่ โดยเปรียบใจคนเหมือนอย่างกับเรือเสียเลย

 

.....คือเรือมีลักษณะเป็นลำๆ แล้วถ้าลำของเรือนั้นเอียง ไม่ว่าจะเอียงซ้าย ไม่ว่าจะเอียงขวา น้ำก็จะเข้ามาในลำเรือ ทำให้เรือล่ม คนที่อยู่ในเรือต้องจมน้ำกันหมด

 

.....ใจคนเราก็เหมือนกัน ธรรมดาแล้วถ้าเป็นใจของคนที่รักความเป็นธรรม ใจของคนมีบุญ ใจของคนที่ฝึกตัวเองมาดี ย่อมไม่เอียงซ้าย เอียงขวา เอียงหน้า เอียงหลัง และจะอยู่ที่ศูนย์กลางกายพอดี

 

.....แต่ว่ามีบุคคลบางประเภท ใจของเขาไม่ได้อยู่ที่ศูนย์กลางกาย ก็เลยกลายเป็นคนที่มีความลำเอียง ซึ่งแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ

 

๑.ลำเอียงเพราะรัก คือเห็นแก่พวกพ้อง ก็เลยเอาผลประโยชน์ที่ไม่ควรจะได้ ไปให้พวกพ้องของตน

 

๒.ลำเอียงเพราะชัง คือ ไม่ชอบหน้าเขา โกรธเขา แถมผูกโกรธเสียอีกด้วย ก็เลยกลั่นแกล้งเขา สิ่งที่เขาควรจะได้ ก็ไปกันเอาไว้ไม่ให้เขาได้

 

๓.ลำเอียงเพราะโง่ คือ ตัวเองมีสติปัญญาไม่พอ แล้วเที่ยวไปตัดสินอะไรง่ายๆ ทำให้ผู้ที่ควรจะได้ประโยชน์ กลับเสียประโยชน์ คนที่ไม่ควรจะได้ประโยชน์ กลับได้ประโยชน์

 

๔.ลำเอียงเพราะกลัว คือ ไม่ได้รักใคร ไม่ได้ชังใคร แล้วก็ไม่ใช่โง่ แต่ว่าเนื่องจากกลัวอิทธิพล เพราะฉะนั้น ผลประโยชน์ควรจะได้กับผู้ที่สมควรได้ ก็เอาไปยกให้พวกมาเฟียแทน เพียงเพื่อจะให้ตัวเองรอดพ้นจากอิทธิพลจากคนเหล่านั้น อย่างนี้ก็จัดเป็นเรื่องของความลำเอียงเช่นกัน

 

.....บ้านเมืองใด ถ้าหากมีผู้นำ มีผู้บริหาร ที่ลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเพราะชัง ลำเอียงเพราะโง่ หรือว่าลำเอียงเพราะกลัวล่ะก็ ประชาชนของบ้านเมืองนั้น ต้องเดือดร้อนแน่นอน

 

.....โลกของเราต้องเดือดร้อนเพราะคนลำเอียงมามากเหลือเกิน เพราะทุกยุค ทุกสมัย และในทุกประเทศ ลองไปอ่านประวัติศาสตร์ดูเถอะ แล้วจะพบว่า มีเรื่องความลำเอียงด้วยกันทั้งสิ้น

 

.....ส่วนที่หลายๆ คนมักเข้าใจว่า เมืองไทยของเรามีเรื่องของความลำเอียงเกิดขึ้นมากนั้น ความจริงแล้ว มีความลำเอียงด้วยกันทุกประเทศนั่นแหละ เพียงแต่ว่าจะปรากฏออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรมากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้น ในขั้นต้น ทำใจเสียเถอะคุณเอ๊ย

 

.....สำหรับวิธีแก้ไข ก็ต้องบอกว่า ในเรื่องของความลำเอียง ถ้าผู้ที่ลำเอียงยังเป็นเด็กอยู่ ก็พอที่จะแก้ไขได้ไม่ยาก

 

.....แต่ว่าถ้าผู้ที่ลำเอียงเป็นผู้ใหญ่ เช่น พ่อแม่ลำเอียง ย่อมแก้ไขได้ ยากเพราะใครจะไปแก้ให้ล่ะ เห็นๆ ว่าพ่อแม่ลำเอียง ลูกจะมีปัญญาไปแก้อะไร ขืนเข้าไปเตือน เดี๋ยวได้โดนท่านเอ็ดออกมา นี่ขนาดในครอบครัวเท่านั้นนะ

 

.....ถ้าเป็นระดับหน่วยงาน ไม่ว่าหน่วยงานเอกชน หรือว่าหน่วยงานราชการ เมื่อมีความลำเอียงเกิดขึ้น ก็จะยิ่งมีความรุนแรงกว่าที่เกิดในครอบครัว ระหว่างคุณพ่อคุณแม่กับลูกๆ มากนัก ผู้ที่จะเข้าไปแก้ไขได้ ก็มีแต่ผู้บังคับบัญชา หรือผู้ที่มีอำนาจ ในหน่วยงานนั้นๆ นั่นแหละ

 

.....แต่เจ้ากรรม ถ้าผู้บังคับบัญชา หรือหัวหน้าหน่วยงานลำเอียงเสียเอง อย่างนี้ก็แทบจะหมดทางแก้ไข แต่ว่ายังพอมีทางอยู่เหมือนกัน

 

.....เพราะถึงแม้จะเป็นผู้ใหญ่ ระดับหัวหน้าหน่วยงานที่ไหนก็ตาม ในชีวิตจริงก็ยังพอจะมีคนที่เขาเกรงอกเกรงใจอยู่บ้าง เพราะฉะนั้น หาคนที่เขาเคารพ หาคนที่เขาเกรงใจให้พบ แล้วไปขอให้ท่านมาช่วยแก้ไขให้

 

.....ถ้าหาท่านเหล่านั้นไม่พบ ก็คงจะต้องไปหาหลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงตา ที่คนเขาเคารพกันทั้งบ้านทั้งเมือง เข้าไปกราบเล่าเรื่องราวให้ท่านฟัง บางทีท่านอาจจะช่วยได้บ้าง แม้มีเปอร์เซ็นต์สำเร็จน้อย แต่ว่าก็ไม่ถึงกับหมดหนทางเสียทีเดียว

 

.....ปรากฏว่าหลวงพ่อ หลวงปู่ ก็ช่วยไม่ได้ ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงก็ช่วยไม่ได้ และคนภายนอก ที่เขาเกรงอกเกรงใจก็ไม่มี หรือมีเหมือนกัน แต่ว่าตายไปเสียก่อนแล้ว อย่างนี้ก็ต้องอาศัยบุญมาช่วยกันล่ะ

 

.....คือถ้าเขามีบุญเก่าติดตัวมาบ้าง อาจจะทำให้มีการหักเหในชีวิตบางอย่าง ทำให้ได้คิดขึ้นมา เช่น เคยลำเอียงมามาก ถึงคราวถูกลำเอียงเข้าบ้าง เลยได้คิด อย่างนี้พอมีเหมือนกัน แต่ว่าเหมือนปาฏิหาริย์นะ ไม่อย่างนั้น ตัวเขาเอง หรือว่าพ่อแม่พี่น้องของเขา อาจจะไปประสบเหตุการณ์อะไรบางอย่าง แล้วเกิดความกลัวตาย ทำให้ได้คิดขึ้นมา ก็พอที่จะมีโอกาสที่จะกลับเนื้อกลับตัวได้เหมือนกัน แต่ตรงนี้ค่อนข้างยาก

 

.....ที่หลวงพ่อพูดมาทั้งหมด ก็แทบจะบอกได้ว่า ใครมีความลำเอียงอยู่ในจิตใจมากๆ แล้ว ทั้งมนุษย์ ทั้งพระ ทั้งเทวดา แก้ยากจริงๆ แทบจะหมดหนทางทีเดียว

 

.....ปู่ย่าตาทวดของเราก็เลยทำทางไว้ให้ทางหนึ่ง ซึ่งต้องบอกว่าท่านฉลาดจริงๆ คือ ท่านฝึกลูก ฝึกหลาน กันทั้งบ้านทั้งเมือง ให้หัดทำทานกันเสียบ้าง หัดรักษาศีลกันเสียบ้าง หัดสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนากันเสียบ้าง ไม่ว่าจะเต็มใจ ไม่เต็มใจ ก็ให้ทำๆ กันไปเถอะ ความดีเหล่านี้เมื่อสั่งสมไปนานเข้าๆ ก็พอที่จะกำจัดความรัก ความชัง ความโง่ ความกลัวของคนเรา ออกไปได้ระดับหนึ่ง ซึ่งต้องถือว่าบุญที่ได้ทำไว้ตามมาทัน มาเตือนให้แก้ไขตัวเอง

 

.....หรือไม่อย่างนั้น ก็อาจจะดลอกดลใจให้ได้กัลยาณมิตรชั้นเยี่ยมมาแก้ไข ซึ่งก็เป็นบุญของเขา

 

 .....สิ่งอื่นนอกจากนี้ยากเหลือเกินที่จะมาแก้ไขความลำเอียงได้ ยกเว้นได้ป้องกัน ได้แก้ไขกันมา ตั้งแต่เด็กๆ เข้าทำนอง ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยากนั่นเอง

 

.....เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะไปคิดแก้ไขใคร ถามตัวคุณเองก็แล้วกันว่า เชื้อลำเอียงในตัวของคุณมีไหม ถ้าไม่มี หลวงพ่อก็อนุโมทนาด้วย แต่ถ้ามี วันนี้เริ่มไปแก้ไขเสีย

 

.....วิธีจะวัดว่าตัวเรามี ความลำเอียงหรือไม่มีนั้น ทำได้ไม่ยาก โดยถามง่ายๆ ว่าคุณมีลูกกี่คน แล้วคุณรักลูกแต่ละคนเท่ากันไหม ถ้าไม่เท่า ก็แสดงว่าคุณก็มีเชื้อลำเอียง อย่างนั้นรีบแก้เสีย แล้วจะเป็นบุญของคุณและครอบครัว ตลอดจนประเทศชาติอีกด้วย

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.025594818592072 Mins