เรื่องเล่า ประสบการณ์ผี...ผี

วันที่ 21 กค. พ.ศ.2558

 

เรื่องเล่า ประสบการณ์ผี...ผี

            เรื่องเล่าประสบการณ์พิเศษสนุกสนานนั้นมีมากมาย มีเรื่องหนึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานเป็นผู้หญิง เขาเดินทางไปซื้อของที่เชิงดอยแล้วเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอาศัยอยู่แถวต้นแคแสด หลวงพ่อท่านก็เลยตั้งชื่อว่าให้ว่า “ นางสาวแคแสด ”

            ช่วงแรกๆ ผู้ปฏิบัติธรรมมักจะพบเห็นนางสาวแคแสดอยู่เรื่อยๆ เห็นในลักษณะเลือดโซมกายมาเลย แต่พอหมู่คณะไปสวดมนต์ปฏิบัติธรรมสม่ำเสมอ เมื่อเขาได้ฟังเสียงสวดมนต์ ได้เห็นบรรยากาศปฏิบัติธรรม แล้วก็ได้รับบุญกุศลที่เราอุทิศให้เป็นระยะๆ ต่อมาเลือดที่โซมกายก็หายไป กลายเป็นกายที่สวยงาม เป็นรุกขเทวาขึ้นมาได้เหมือนกัน เรื่องราวของนางสาวแคแสดนี้เรียกได้ว่าสนุกสนาน อย่างคุณโยมท่านหนึ่งไปนั่งสมาธิแล้วฟุ้ง ชอบคิดพะวงถึงพ่อบ้านว่าจะแอบไปเที่ยวหรือเปล่า แก้ไม่หายสักที ก็ไปกราบหลวงพ่อว่าให้ช่วยทีหนูชอบฟุ้งซ่านไปเรื่อยจะทำอย่างไรให้หาย หลวงพ่อท่านถามว่า “ เอาจริงนะ ” พอตอบว่า “ จริงเจ้าค่ะ ” ท่านก็เลยให้นางสาวแคแสดไปช่วย

            คราวนี้พอใครนั่งแล้วฟุ้งเมื่อใด นางสาวแคแสดก็โผล่มาให้เห็นในสมาธิเลยเท่านั้นเองก็นั่งสมาธิตัวตั้งเลยไม่กล้าฟุ้งซ่านแล้ว ไม่นานใจก็รวมนิ่งหยุดจนเห็นดวงสว่างปรากฎที่ศูนย์กลางกาย ได้เหมือนกันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นได้ในจังหวะที่ภาวะจิตของเราเหมาะสมนั่นเอง

 

ประสบการณ์พิเศษสมัยเรียน

            อาตมภาพเองก็เคยมีประสบการณ์พิเศษๆ เหมือนกัน ตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล จังหวัดสกลนคร อายุ 13 ปีเท่านั้น อาจารย์พาไปออกค่ายลูกเสือโดยการปั่นจักรยานไปภูกระดึงจังหวัดเลย ทั้งหมดมี 16 คน

            วันแรกก็ปั่นจักรยานจากจังหวัดสกลนคร ไปพักที่โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล จังหวัดอุดรธานี รวมระยะทาง 160 กิโลเมตร วันที่ 2 ก็ออกเดินทางจากจังหวัดอุดรธานีไปจังหวัดเลย อำเภอวังสะพุง วันที่ 3 ก็ปั่นจักรยานจากอำเภอวังสะพุงถึงเชิงภูกระดึง แล้วก็ฝากรถจักรยานไว้ที่สถานีตำรวจ จากนั้นก็เดินเท้าขึ้นภูกระดึง คราวนี้เหตุเกิดวันที่พักอยู่ที่อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย พอเช้ามืดเราก็เตรียมตัวออกเดินทางกันตั้งแต่ตี 4 พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น อากาศก็เย็นสบายปั่นจักรยานได้ไม่ร้อน ทีนี้ใครแรงเยอะก็ปั่นไปข้างหน้า มีอาตมภาพกับเพื่อนร่วมชั้นอีกคนอายุ 13 ปี เท่านั้น ตัวเล็กกว่าคนอื่นเขา เพื่อนๆ พี่ๆ ส่วนใหญ่เป็นรุ่น ม.ศ.3 ม.ศ.4 ม.ศ.5 ตัวเขาก็ใหญ่ๆกันทั้งนั้น พวกเราแรงน้อยจึงปั่นรั้งท้ายอยู่ข้างหลัง

 

            อาตมภาพรั้งท้ายรองโหล่ และมีเพื่อนอีกคนหนึ่งปั่นเป็นที่โหล่อยู่ท้ายสุด ชื่อเด็กชายขรรค์ชัย ปั่นไปไม่นานเขาก็ปั่นขึ้นมาตีคู่กับอาตมภาพแล้วก็บอกเสียงเบาๆว่า “ สมชายๆ อย่าไปบอกไผเด้อ เฮาเจอผี ” แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองตาฝาดหรือไม่ จึงยังไม่อยากให้บอกใครอาตมภาพเลยถามกลับไปว่า “ เป็นยังไงหรือขรรค์ชัย ” เขาก็เล่าให้ฟังว่าเขาปั่นไปตาเหลือบมองไปข้างทางเห็นมีจักรยานจอดอยู่ริมทางฝั่งตรงข้าม เห็นแต่ไกลก็นึกว่าเพื่อนจักรยานเสีย ก็ส่องไฟฉายไปดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง พอส่องไฟฉายไปปุ๊บ จักรยานคันนั้นก็วิ่งสวนขึ้นมาบนทางแล้วก็ปั่นเลยไป พอส่องไฟตามไปดูก็รู้ว่าไม่ใช่เพื่อนเรา เพราะว่ามี 2 คนนั่งซ้อนท้ายกัน แล้วคนที่นั่งซ้อนข้างหลังเป็นผู้หญิงผมยาวๆหันมายิ้มให้เขา

            ขรรค์ชัยรู้สึกแปลกใจว่า ชาวบ้านที่ไหนมาปั่นจักรยานตอนตี 4 แต่พอเหลียวหลังไปดูอีกที เจอผู้หญิงคนนั้นลอยไปนั่งอยู่บนต้นไม้ข้างทางแล้วยิ้มให้ เท่านั้นเองเขาเอากำลังมาจากไหนไม่รู้ปุ๊บปั๊บปั่นมาตีคู่ข้างอาตมภาพ แล้วมาเล่าให้ฟังว่า “ เฮาเจอผี ” แต่เขาก็ยังนึกว่าตัวเองอาจจะตาฝาด ก็แสดงว่าเขาไม่ได้ตกใจมากเกินไป แถมยังบอกกับอาตมภาพอีกด้วยว่าอย่าไปบอกใครนะ

 

            อาตมภาพฟังแล้วก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันชักจะเย็นยะเยือกขึ้นมาไม่ค่อยเข้าท่าแล้ว พวกเราก็ยังเด็กจึงบอกขรรค์ชัยให้รีบปั่นไปใกล้ๆอาจารย์กันดีกว่า ก็เลยเร่งปั่นไปเกาะกลุ่มกับคณะใหญ่ มีอาจารย์ปั่นนำอยู่ตรงกลาง รุ่นพี่เขาก็ปั่นอยู่ฝั่งซ้ายขวา แล้วเราก็ปั่นตามอยู่ข้างหลัง พอปั่นไปกับคณะใหญ่เราก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง ผ่านไปพักเดียวเท่านั้นเอง คราวนี้ ขรรค์ชัยร้อง “ โอ๊ย ! ” ขึ้นมาทีเดียวแล้วปุ๊บปั๊บเขาก็ปั่นจักรยานแซงหน้ารุ่นพี่พรวดเดียว ไปประกบข้างอาจารย์เลย ขรรค์ชัยตัวสั่น อาจารย์จึงเอื้อมมือมาจับมือขรรค์ชัยที่จับแฮนด์จักรยานอยู่แล้วถามว่า “ เป็นหยังขรรค์ชัย ”

            ขรรค์ชัยจึงบอกอาจารย์ปากคอสั่นว่า “ อาจารย์ครับ ผมเจอผี ” เดิมทีห้ามไม่ให้เราบอก คราวนี้บอกเองเลย จากนั้นขรรค์ชัยก็เล่าให้อาจารย์ฟังคล้ายๆ กับที่เล่าให้อาตมภาพฟัง แล้วก็เล่าต่อไปอีกว่าเมื่อสักครู่นี้ปรากฏว่าเห็นผู้หญิงผมยาวคนเดิมไปนั่งซ้อนท้ายจักรยานของรุ่นพี่ แล้วหันมายิ้มให้เขาหวานๆ ตัวเองตกใจก็เลยร้องออกมา อาจารย์ก็ปลอบใจว่า “ ขรรค์ชัยตาฝาด อย่าตกใจ ” ขรรค์ชัยก็รับคำ “ ครับๆ อาจารย์ ” พอปั่นไปสักพัก นายขรรค์ชัยก็ร้อง “ โอ๊ย! ” ขึ้นมาอีก อาจารย์ก็ชักจะเป็นห่วงลูกศิษย์ แล้วถามว่า “ เป็นอะไร ขรรค์ชัย ” นายขรรค์ชัยก็บอกว่า “ อาจารย์ครับ มันอยู่นั่นๆๆ ”

 

            ขรรค์ชัยชี้นิ้วไปที่ข้างทาง อาจารย์เปิดไฟฉายส่องไปดูปรากฏว่าเห็นเป็นป้ายรูปผู้ใหญ่จูงมือเด็กข้ามถนน ซึ่งมันมืดจึงมองเห็นไม่ค่อยชัดเท่านั้น อาจารย์จึงตัดสินใจให้ทุกคนจอดรถ แล้วส่องไฟไปรอบๆดูว่ามีบ้านเรือนชาวบ้านพออาศัยไหม พอส่องไฟฉายหาดูก็ไม่เจอ จึงบอกให้ทุกคนกางเต็นท์ที่ติดตัวมา

            สรุปว่าเราก็หยุดพักกางเต็นท์ 3-4 หลัง โดยกางต่อกันอยู่ริมถนนซึ่งเป็นไหล่ทาง แล้วอาจารย์ก็ให้นักเรียนไปอยู่ในเต็นท์ เพื่อพักผ่อนรอให้สว่างก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ ระหว่างที่เพื่อนๆ พี่ๆ กำลังกางเต็นท์อยู่นั้น นายขรรค์ชัยก็กอดเอวอาจารย์ร้องไห้ พออาจารย์ปลอบได้สักพัก ขรรค์ชัยก็ร้องโอ้ย! ขึ้นมาอีก แล้วร้องบอกอาจารย์ว่า นั่นๆๆ เพื่อนกลายเป็นผีไปแล้ว จากนั้นขรรค์ชัยก็รีบวิ่งเข้าไปหลบในเต็นท์ของอาจารย์

 

            ระหว่างที่เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งกำลังกางเต๊นท์อยู่ อาตมภาพก็เข้าไปคุยด้วย รู้สึกว่าพอคุยกับเขาแล้วมองตาเขา ลูกตาเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง อาตมภาพรีบกระพริบตาแล้วหันไปทางอื่น พอหันมาอีกทีตาเขาก็เป็นปกติเหมือนเดิม แต่พอคุยกันไปอีกสักพัก ลูกตาของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งลูกตา พอเราหันไปทางอื่นแล้วหันกลับมาก็เป็นปกติเหมือนเดิม อาตมภาพรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้าท่า ก็เลยตัดสินใจมุดเข้าไปในเต็นท์ของอาจารย์บ้างดีกว่า เสร็จเรียบร้อยเราก็นอนปลอบใจขรรค์ชัยว่า “ ขรรค์ชัยคงตาฝาดไปอย่างนั้นอย่างนี้... ” ตัวขรรค์ชัยเองพอได้อยู่ในหมู่คณะแล้วก็เกิดความอบอุ่นใจรู้สึกว่าสบายใจขึ้น

            พอฟ้าสว่างพวกเราก็ออกมาจากเต็นท์ ปรากฏว่ามีบ้านคนเต็มไปหมด เรากางเต็นท์กันอยู่กลางหมู่บ้านเลย เราถึงได้เห็นป้ายรูปผู้ใหญ่จูงเด็กข้ามถนนอยู่ข้างทาง แต่เมื่อตอนที่เราจะกางเต็นท์ทำไมส่องไฟดูเท่าไรก็ไม่เห็นมีบ้านคนเลย ครั้นท้องฟ้าสว่างเราก็ช่วยกันเก็บเต็นท์เสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางส่วนขรรค์ชัยก็ไม่ได้จับไข้ ร่างกายเป็นปกติดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่คือประสบการณ์ที่เจอเรื่องราวแปลกๆ ด้วยตัวเอง ไม่ได้เห็นกับตาตัวเองแต่ว่าอยู่ในเหตุการณ์อย่างนี้เคยเจอกันบ้างไหม

 

-------------------------------------------------------------

 

ไขปัญหาความเชื่อ


รวบรวมหลักธรรมคำบรรยายของ "พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฆ" ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ อดีตชาติ การแก้กรรม ชีวิตหลังความตาย และข้อคิดจาดความตาย เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหนทางสู่ความสุข ความสงบภายในจิตใจ ถ่ายทอดด้วยสำนวนภาษาอ่านง่าย ให้ข้อคิดอันหลากหลาย ซึ่งคุณสามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี


http://tltpress.com/book004.html#

ซีเอ็ดบุ๊ค เซนเตอร์

ร้านนายอินทร์

ศูนย์หนังสือจุฬา

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0056809186935425 Mins