ชาดก 500 ชาติ รวมนิทานชาดกพร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ชาดก 500 ชาติ : ชาดก 500ชาติรวมชาดก 500 ชาติพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ชาดก คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า คือ สมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแสดงหลักธรรมสุภาษิตที่พระองค์ทรงประสงค์ เรียกเรื่องในอดีตของพระองค์นี้ว่า ชาดก ชาดกเป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทาน บางครั้งจึงเรียกว่า นิทานชาดก

ชาดก 500 ชาติ :: อรรถกถาตักกลชาดกว่าด้วย การเลี้ยงดูบิดามารดา

อรรถกถา ตักกลชาดก

ว่าด้วย การเลี้ยงดูบิดามารดา

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภบุรุษผู้เลี้ยงบิดาคนหนึ่ง ว่ามีบุรุษคนหนึ่งเป็นลูกคนสุดท้องในตระกูลยากจนตระกูลหนึ่ง ลุกขึ้นแต่เช้า ดูแลบิดาจัดเตรียมอาหาร ให้หลังจากแม่ของตนตายจากไป


              จนกระทั่งวันหนึ่ง บิดาพูดว่า "ลูกรัก เจ้าคนเดียวทำการงานทั้งภายนอกภายใน พ่อว่าจะหาหญิงสาวให้เจ้าสักคนหนึ่ง จะได้ช่วยงานในเรือน"


               "อย่าดีกว่าครับ  ลูกจะเลี้ยงดูพ่อจงล่วงลับแล้วออกบวชทันที"แต่ผู้เป็นพ่อ หาได้ฟังลูกชายไม่  นำหญิงสาวคนหนึ่งมาให้ทั้งๆ ที่ไม่ต้องการเลย เมื่อหญิงสาวได้เข้ามาดูแลพ่อและสามีอย่างดี ฝ่ายสามีก็มีความสุข ที่นางคอยดูแลพ่อของตน จึงนำของมาให้แก่หญิงสาว แม้สามีจะให้ตน แต่นางก็ให้พ่อของสามีตลอด


               เหตุการณ์เช่นนี้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนผู้เป็นภรรยา อดคิดไม่ได้ว่า "สามีของเราได้อะไรมา ไม่เคยให้พ่อเลย สงสัยเขาคงไม่ค่อยถูกกับบิดาแน่ เราจะใช้อุบายนี้ทำให้เกลียดสามีเกลียดเรา แล้วไล่ออกจากบ้านซ้ะ"


               ตั้งแต่นั้นมา นางก็ยั่วให้พ่อผัวโกรธ  กล่าวคำหยาบต่างๆนาๆ แล้วฟ้องสามีว่า พ่อของตนกระทำไม่ดีกับนาง เมื่อผู้เป็นสามีทราบเรื่องดังกล่าว ก็เดินเข้าไปหาพ่อของตนแล้วกล่าวว่า พ่ออย่าทำอย่างนี้เลยมันไม่ดีๆ เมื่อผู้เป็นพ่อได้ยินถึงกับเลือดขึ้นหน้า จนกระทั่งหลุดพูดว่า "แกจะให้พ่อหรือเมียแกอยู่ในเรื่อนนี้ห้ะ เลือกเอา"


               จากนั้นชายหนุ่มหันไปพูดกับภรรยาของตนว่า "น้องรัก เจ้ายังเป็นสาว จะอยู่ไหนก็ได้ พ่อฉันแก่แล้ว เมื่อเจ้าอดทนไม่ได้ ก็ออกจากบ้านหลังนี้เถอะ" ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจจึงหมอบลงแทบเท้าพ่อผัว พร้อมกับพูดว่า "ขอขมาว่า ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีก แล้วจากนั้นนางก็เริ่มปฏิบัติตามปกติดังเดิม"

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%871.png


              ตั้งแต่ภรรยามีปัญหากับพ่อ ชายหนุ่มเลยไม่ได้ไปฟังธรรมในสำนักพระศาสดาเลย จนวันหนึ่งชายผู้นี้กลับมายังสำนักอีกครั้ง พระศาสดาจึงตรัสถามเขาว่า "เหตุไร? ท่านจึงไม่มาฟังธรรมถึง ๗ วัน"  เขาได้กราบทูลเหตุการณ์ให้ทรงทราบ


               พระศาสดาตรัสว่า "ในชาตินี้ท่านไม่เชื่อถ้อยคำของภรรยา แต่ในกาลก่อนท่านเชื่อถ้อยคำของภรรยา นำบิดาไปป่าช้าขุดหลุมฝัง เราเกิดเป็นบุตรมีอายุ ๗ ขวบแสดงคุณของมารดาบิดา ห้ามฆ่าบิดาได้ ครั้งนั้นท่านเชื่อฟังถ้อยคำของเรา ปฏิบัติบิดาไปจนตลอดชีวิตแล้วไปเกิดในสวรรค์ โอวาทที่เราให้ไว้นี้นั้น แม้ท่านไปเกิดในภพอื่นก็ไม่ละวาง ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงไม่เชื่อถ้อยคำของภรรยา ไม่ขับไล่บิดาออกในบัดนี้"


         
               ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี ณ บ้านของชาวกาสี ตระกูลแห่งหนึ่งมีบุตรชายคนเดียว ชื่อสวิฏฐกะ เขาบำรุงเลี้ยงมารดาบิดาอยู่ ต่อมาเมื่อมารดาล่วงลับไปแล้ว ยังคงเลี้ยงบิดาอยู่

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%872.png


               จนกระทั่งวันหนึ่ง ภรรยาของเขาก็กล่าวว่า "ท่านจงดูการกระทำของบิดาเถอะ  ช่างหยาบคายยิ่งนัก  ชอบชวนฉันทะเลาะอยู่เรื่อย อายุก็ปูนนี้แล้วอีกไม่นาน พ่อของท่านคงจะตาย ไหนๆก็ใกล้แล้ว ไม่เอาไปทิ้งที่ป่าช้าก่อนรึ เลี้ยงไปก็เปลืองเปล่าๆ" เมื่อสามีได้ฟังดังนั้นก็เงียบไม่ได้ตอบโต้อะไร


               แต่ผู้เป็นภรรยาก็ไม่ยอมแพ้ พยายามพูดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผู้เป็นสามีเริ่มเอนเอียง จึงกล่าวว่า "น้องการฆ่าคนเป็นกรรมหนัก ฉันจะฆ่าบิดาอย่างไรได้" หญิงสาวทำสีหน้าบึ้งตึงก่อนจะพูดว่า "ถ้าพี่ไม่กล้าเดี๋ยวฉันจะบอกให้" จากนั้นหญิงสาวก็เล่าอุบายทั้งหมดให้สามีฟังระหว่างที่ภรรยาอธิบาย ผู้เป็นสามีก็คิดว่าเข้าที จึงรับคำของนางแล้วเตรียมวางแผน

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%873.png


               ระหว่างนั้นบุตรชายซึ่งมาอายุ ๗ ขวบ ได้ยินเข้า ก็รู้ได้เลยว่า มารดาของตนทำปิตุฆาตปู่ จึงมีความคิดว่า "เราจะไม่ให้บิดาทำเช่นนี้" จากนั้นค่อยๆ ย่องเข้าไปนอนกับปู่ ครั้นได้เวลาสวิฏฐกะ ก็เทียมเกวียนแล้วกล่าวกับปู่ว่า " เราไปสะสางลูกหนี้กัน" จากนั้นให้นั่งบนเกวียน เด็กชายที่ไปนอนกับปู กระโดดขึ้นเกวียนไปด้วย โดยไม่ว่าสวิฏฐกะจะพูดอย่างไร เด็กชายก็ไม่ยอมลงและยังคงยืนยันหนักแน่นว่าจะไปด้วย จนคนพูดอ่อนใจ


               เมื่อไม่สามารถห้ามบุตรได้ จึงจำเป็นต้องพาไปป่าช้าด้วย จากนั้นให้บิดาและกุมารพักอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งกับเกวียน ส่วนตนเองถือจอบและตะกร้า เริ่มจะขุดหลุม ๔ เหลี่ยม ณ ที่ลับแห่งหนึ่ง

  
               เด็กชายเดินลงมาหาพ่อของตนก่อนกล่าวว่า "ทำไมถึงขุดหลุมอยู่คนเดียวในป่ากลางเช่นนี้"เมื่อลูกเอ่ยจบคนเป็นพ่อกล่าวตอบว่า " ฝังปู่ของเจ้า เพราะท่านแก่มากแล้ว แถมมีโรคภัยหลายอย่างเบียดเบียน พ่อไม่อยากจะให้ปู่ของเจ้ามีชีวิตอยู่ อย่างลำบาก
"

 

              กุมารได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า  " เราจะทิ้งบิดาคือการออกจากทุกข์  การกระทำแบบนี้คือกรรมอันหยาบคาบ" ครั้นกล่าวจบก็ฉวยจอบจากมือบิดา ตั้งท่าจะขุดหลุมอีกหลุมหนึ่งในที่ใกล้ๆ กัน ลำดับนั้น บิดาจึงเข้าไปถามกุมารว่า "ลูกรัก เจ้าจะขุดหลุมทำไม?" "ลูกคิดว่าจะฝังพ่อในหลุมอีกหลุมหนึ่ง ในตอน  พ่อแก่บ้าง"

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%874.png

               

                 เมื่อได้ยินดังนั้นผู้เป็นพ่อสะดุ้งตกใจ แล้วก็คิดได้ว่า ตัวเองนั้นได้ทำในสิ่งที่ไม่ดีต่อบุพการี จากนั้นลูกชายก็พูดต่อไปว่า "ใครเบียดเบียนมารดาหรือบิดา ผู้นั้นตายไปภายหน้า ย่อมไปนรกโดยไม่ต้องสงสัย ส่วนใครเลี้ยงมารดาบิดา ผู้นั้นตายไปภายหน้า เข้าถึงสุคติ"

                  บิดา ครั้นได้ฟังธรรมกถาของบุตรดังนั้นแล้ว จึงกล่าวว่า"พ่อถูกแม่ของพูดเป็นประจำ จึงได้กระทำเช่นนี้"

                  กุมารได้ฟังดังนั้นแล้ว กล่าวว่า  "ธรรมดาสตรีเมื่อเกิดโทสะ ข่มไว้ไม่ได้ จึงทำชั่วบ่อยๆ พ่อควรจะไล่แม่ออกไปเสีย ไม่ให้ทำชั่วเช่นนี้อีกได้"
             

                 นายสวิฏฐกะได้ฟังคำของบุตรผู้เป็นบัณฑิตแล้ว มีความโสมนัส กล่าวว่า "เราไปกันเถิดลูก" แล้วขึ้นนั่งบนเกวียนไปกับบุตรและบิดาไปบ้าน

 

                  ฝ่ายหญิงนั้นก็ยินดีว่าคนแก่ออกจากเรือนเราไปแล้ว จึงหุงข้าวปายาสแล้วคอยแลดูทางที่ผัวจะมา ครั้นเห็นมาทั้งสามคนก็โกรธก่อนจะกล่าวว่า  "พากลับมาทำไม"

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%875.png 


               ผู้เป็นสามีไม่พูดอะไร ทุบตีภรรยาแล้วกล่าวว่า "แต่นี้ไปเจ้าอย่าเข้ามาเรือนนี้อีก" จากนั้นจับเท้าลากออกไป ครั้นไล่ภรรยาไปแล้ว ก็อาบน้ำให้บิดาและบุตร  แล้วบริโภคข้าวปายาสพร้อมกันทั้งสามคน หญิงใจบาปนั้นไปอยู่เรือนผู้อื่นได้ ๒-๓ วัน


               "ท่านพ่อ แม่คงยังไม่รู้สำนึกด้วยการถูกลงโทษเพียงเท่านี้ พ่อจงแกล้งพูดว่า จะไปขอลูกสาวคนในตระกูลอื่นมาปรนนิบัติตัวเองกับบิดาและบุตร น่าจะดีกว่า"


               นายสวิฏฐกะได้กระทำตามทุกประการ หญิงในตระกูลที่รู้จักได้ยินเข้าจึงเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ฝั่งภรรยาฟังว่า "สามีของเธอไปบ้านอื่นเพื่อหาหญิงสาวมาเป็นภรรยา"


               เมื่อได้ยินดังนั้นผู้เป็นภรรยาสะดุ้ง กลัวว่าเราจะไม่มีโอกาสอีกแน่ จึงเข้าไปอ้อนวอนบุตรชายของตน หมอบลงแทบเท้าแล้วกล่าวว่า "ลูกรักต่อจากนี้แม่จะดูแลพ่อและปู่อย่างดี ช่วยแม่หน่อยนะ" เด็กชายพยักหน้า แล้วกล่าวโอวาทสั่งสอนแม่ของตน

               

               แล้วพาแม่ไปหาพ่อของตน นางขอขมาโทษผัวและพ่อผัวแล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ประกอบด้วยธรรมเครื่องข่ม ปฏิบัติผัวพ่อผัวและลูกเป็นอย่างดี สองผัวเมียตั้งอยู่ในโอวาทของลูก ทำบุญมีทานเป็นต้น แล้วได้ไปเกิดในสวรรค์

               พระบรมศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว 
ทรงประกาศสัจธรรม เวลาจบสัจธรรม บุรุษผู้เลี้ยงบิดาได้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล


               พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า
                         บิดาบุตรและหญิงสะใภ้ในครั้งนั้น ได้มาเป็น บิดาบุตรและหญิงสะใภ้ในบัดนี้
                         ส่วนกุมารผู้เป็นบัณฑิตในครั้งนั้น ได้มาเป็น 
เราผู้ตถาคต ฉะนี้แล.

                            

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

* * ชาดก 500 ชาติ แนะนำ * *

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล