อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

พระมหาสิริราชธาตุ รุ่นดูดทรัพย์ สำหรับ ผู้สร้างพระธรรมกายประจำตัวภายในมหาธรรมกายเจดีย์นั้น จะได้รับของที่ระลึกเป็นพระธรรมกายของขวัญ

อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ เป้าหมายของชีวิต

 

โอวาทพระราชภาวนาวิสุทธิ์
(หลวงพ่อธัมมชโย)
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๐

เป้าหมายของชีวิต

เป้าหมายของการเกิดเป็นมนุษย์คือการแสวงหาพระนิพพาน ทำพระนิพพานให้แจ้ง ถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือมุ่งจะไปพระนิพพาน นั่นคือวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ เพราะพระนิพพานเป็นแดนแห่งบรมสุข เป็นเอกันตบรมสุข มีสุขอย่างเดียว ไม่มีความทุกข์เจือปนเลย ไม่มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ความผิดหวัง ความเศร้า ซึม เซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้ม ความปวด ความเมื่อย โรคภัยไข้เจ็บอะไรไม่มีเลย มีแต่สุขอย่างเดียว เรียกว่า เอกันตบรมสุข


ในใจก็ไม่มีความโลภ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความหลง เป็นภูมิแห่งผู้บริสุทธิ์ล้วนๆ พ้นจากสรรพกิเลสทั้งหลาย เป็นภูมิของผู้ที่มีความเต็มเปี่ยมแห่งดวงปัญญา รู้แจ้งแทงตลอดในชีวิตและในธรรมทั้งปวง และเป็นที่รวมประชุมแห่งผู้มีอานุภาพ เป็นผู้ที่เป็นตัวของตัวเอง เป็นอิสระจากสิ่งที่เขาบังคับบัญชากันมายาวนาน เป็นที่ที่คงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีสุขล้วนๆ เป็นตัวของตัวเอง ที่เรียกว่าอัตตา เป็นตัวจริง เป็นนิจจัง เป็นสุขัง เป็นอัตตา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแตกต่างจากชีวิตในมนุษย์ ไม่ว่าจะเกิดอยู่ในตระกูลสูง ปานกลาง หรือชั้นล่างก็ตาม ทุกระดับของชีวิตล้วนแต่มีความทุกข์ทั้งสิ้น


จะไปเป็นเทวดา พรหม อรูปพรหม ก็ยังมีความทุกข์เจืออยู่ แต่เป็นความทุกข์ที่ประณีตขึ้นไปตามลำดับ แล้วก็มีการเปลี่ยนแปลง พอหมดกำลังบุญที่จะอยู่บนสวรรค์ พรหมหรืออรูปพรหมก็ต้องมาเกิดในภพมนุษย์อีก วนเวียนกันไปอยู่อย่างนี้ ชีวิตในภพทั้งสาม ไม่ว่าจะเกิดไปเป็นอะไรก็แล้วแต่ เป็นมนุษย์ เป็นเทวดา พรหม อรูปพรหม หรือในภูมิอบาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก ล้วนแต่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีแต่ทุกข์ ไม่เป็นอิสระ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกกิเลส อาสวะครอบงำอยู่ตลอด


เป้าหมายของชีวิตก็คือมุ่งตรงไปสู่อายตนนิพพาน ให้ดูพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเป็นต้นแบบ ท่านอยู่ในภพสาม ในสังสารวัฏมายาวนานทีเดียว เกิดไปเป็นอะไรต่ออะไรก็มากมาย ท่านเห็นการเปลี่ยนแปลงของชีวิต และเห็นว่าชีวิตเป็นทุกข์ไม่เป็นอิสระ ไม่ว่าท่านจะเกิดเป็นพระราชามหากษัตริย์ตามพุทธประวัติที่จารึกในพระไตรปิฎกนั้นจะเห็นว่า ท่านสละราชสมบัติอันเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาของมนุษย์ทั้งหลาย ที่ดวงปัญญายังหยาบอยู่ ท่านสละออกไป แม้จะเกิดเป็นเศรษฐี เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นคนชั้นกลาง ชั้นล่าง ท่านก็จะมุ่งแสวงหาทางพ้นทุกข์ ทางที่จะเป็นตัวของตัวเอง ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นชีวิตที่นิรันดร์ คงที่ มีแต่สุขล้วนๆ ตลอดเวลา


ในที่สุดท่านก็ค้นพบหนทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน ก็คือทำใจให้หยุดนิ่งในเส้นทางสายกลางที่อยู่ภายในตัวของท่าน ทำใจหยุดนิ่งไปเรื่อยๆ จนท่านพบกายในกาย เห็นกายต่างๆ ซ้อนกันอยู่ แต่ละกายก็มีความทุกข์ มีความสุข มีเวทนา มีจิต มีธรรม คือ มีสุข มีทุกข์ เสวยสุข เสวยทุกข์ มีความนึกคิดอะไรต่างๆ เดี๋ยวดี เดี๋ยวไม่ดี บริสุทธิ์บ้าง ไม่บริสุทธิ์บ้าง แต่แล้วในที่สุดท่านก็เข้าถึงพระธรรมกาย เข้าถึงธรรมกายอรหัต เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า


เพราะฉะนั้น พวกเราก็เช่นเดียวกัน เราจะเดินตามรอยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทำใจของเราให้หยุด ให้นิ่ง นิ่งอยู่ภายใน ไม่ให้ซัดส่ายไปที่อื่น เพื่อมุ่งตรงไปสู่หนทางอันประเสริฐ หนทางอันบริสุทธิ์ คืออายตนนิพพาน มุ่งเข้าถึงธรรมกายภายในให้ได้ ดังนั้นเราจะต้องตั้งใจฝึกใจให้หยุดให้นิ่ง ให้สะอาดบริสุทธิ์


ถ้าใครนึกถึงพระมหาสิริราชธาตุ ก็นึกน้อมเอาพระมหาสิริราชธาตุไว้ในกลางกาย นึกถึงของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระนิพพานผลิตขึ้นมาเพื่อมอบให้กับตัวเรา ซึ่งเป็นผู้มีบุญได้สร้างพระธรรมกายประจำตัวประดิษฐานที่มหาธรรมกายเจดีย์ ให้นึกท่านตั้งไว้กลางกาย เพื่อจะได้เติมความศักดิ์สิทธิ์ เพิ่มเติมอานุภาพ ให้ท่านเป็นที่พึ่งที่ระลึกกับเรา


วัตถุประสงค์ของเราต้องการที่จะฝึกใจให้หยุดนิ่ง จะได้เข้าถึงของจริงที่มีอยู่ภายใน โดยนำองค์พระหรือพระมหาสิริราชธาตุมาเป็นบริกรรมนิมิต แต่ถ้านึกองค์พระอย่างนี้แล้ว ยังมีความคิดอื่นเข้ามาในใจ ก็ต้องเพิ่มบริกรรมภาวนา สัมมา อะระหัง ควบคู่กับการนึกองค์พระ ในไม่ช้าใจก็จะหยุดนิ่ง พอหยุดนิ่ง ก็เหมือนเราขับรถไปบนท้องถนน รถเคลื่อนเร็วเราก็มองเห็นอะไรไม่ชัด แต่พอเราจอดรถ จะหยุดดูอะไรก็ชัดเจน


นี่ก็คล้ายๆ กัน พอใจนิ่งถูกส่วน องค์พระจะชัดขึ้นมาเอง จะเป็นพระพุทธรูปองค์ใดก็ได้ หรือพระมหาสิริราชธาตุ จะชัดขึ้นมาเรื่อยๆ คล้ายๆ กับเราได้จำลองภาพองค์พระไปไว้ในท้อง ข้างนอกลักษณะอย่างไร ข้างในก็ลักษณะอย่างนั้น อย่างนี้เป็นอุคคหนิมิต เราก็ยังคงทำใจให้หยุดนิ่งต่อไป ดูเรื่อยไปอย่างสบายๆ ไม่ต้องไปพยายามทำให้มันชัดกว่านี้ ใสกว่านี้ สว่างกว่านี้ หน้าที่ของเราคือดูเฉยๆ การดูก็คือการทำใจให้หยุดนั่นเอง


ใจหยุดแค่ประเดี๋ยวเดียว เห็นแสงสว่างเกิดขึ้นแค่ช่วงสั้นๆ แม้เพียงช่วงสั้นเท่าระยะฟ้าแลบ จิตของเราก็บริสุทธิ์ เป็นทางมาแห่งบุญ บุญคือความบริสุทธิ์ก็จะบังเกิดขึ้นภายในได้มากกว่าที่เราจะไปสร้างโบสถ์สร้างวิหาร สร้างศาลาการเปรียญมากมายนัก ที่ว่ามากกว่านั้นหมายถึงว่า บุญที่เกิดจากการเข้าถึงแสงสว่างนี้ ทำให้เรามุ่งตรงไปสู่หนทางของอายตนนิพพาน


ส่วนทานบารมีนั้น เป็นเสบียง เป็นสมบัติติดตัวเราไปในระหว่างที่เราเวียนว่ายตายเกิด บุญแตกต่างกว่ากันอย่างนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ทั้งวันอย่าลืม ทำใจของเราให้ใสสะอาด บริสุทธิ์ เพื่อจะได้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญกุศลที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เราจะหล่อพระธรรมกายประจำตัว ซึ่งเป็นองค์พระของเราเอง เป็นอนุสรณ์ของชีวิต อยู่ไปถึงพันปีทีเดียว แม้เราละโลกไปแล้ว สิ่งนี้ก็ยังเป็นตัวแทนของเราอยู่ในโลก จะได้เป็นเครื่องปลื้มใจ ชื่นใจแก่ลูกหลานและผู้มีบุญทุกท่านที่ได้มาเคารพสักการบูชามหาธรรมกายเจดีย์ บุญกุศลก็จะได้เกิดขึ้นกับทุกๆ คน เพราะฉะนั้น ทำใจให้ใสๆ ให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้ตรึกระลึกนึกถึงองค์พระเอาไว้ในกลางกายให้ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะทำภารกิจใดๆ ก็ตาม เพราะเรากำลังทำในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือการมุ่งตรงสู่หนทางแห่งพระนิพพาน


ใจใสบริสุทธิ์เป็นบ่อเกิดแห่งบุญ

วาระนี้เป็นโอกาสที่สำคัญ ที่เราจะได้หล่อพระธรรมกายประจำตัว แม้ว่าบางท่านจะไม่ได้เป็นเจ้าของพระธรรมกายประจำตัวก็ตาม ก็ให้นึกว่าพระธรรมกายประจำตัวนั้นเป็นของพวกเราทั้งหมด การหล่อองค์พระนี้จึงเป็นสิ่งที่เราจะต้องพร้อมใจกัน ทำความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ให้เกิดขึ้นเสียก่อน


พระธรรมกายประจำตัวนี้ เมื่อนำไปประดิษฐานที่มหาธรรมกายเจดีย์ก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพ เปรียบประดุจพระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อครั้งพระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เพราะฉะนั้นให้ตั้งใจทำความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ของเราให้ดี ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดที่คั่งค้างในใจที่เป็นเครื่องกังวลใจ ให้ในกลางกายของเรามีแต่องค์พระแก้วใสๆ บริสุทธิ์แทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ในอายตนนิพพาน เอาใจของเราหยุดนิ่งๆ ไปที่กลางองค์พระเท่าที่เราพอจะนึกได้


การที่นึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างนี้เป็นทางมาแห่งบุญทางหนึ่งทีเดียวที่เรียกว่า เจริญพุทธานุสติ เพราะฉะนั้นเอาใจหยุดนิ่งๆ ไปที่องค์พระเท่าที่เราพอจะนึกได้ ให้ต่อเนื่องกันไป อย่าให้เผลอไปคิดเรื่องอื่น จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง


ภาวนาสัมมา อะระหัง ครั้งหนึ่ง กาย วาจา ใจก็จะถูกกลั่นให้บริสุทธิ์ไปครั้งหนึ่ง ยิ่งเราทำอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น และบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งหยุดนิ่งถูกส่วนเข้า เห็นองค์พระได้ชัดใสแจ่ม ความบริสุทธิ์ของเราก็ยิ่งเพิ่มพูนทับทวีขึ้น ความบริสุทธิ์นั่นแหละคือแหล่งกำเนิดแห่งบุญ เพราะบุญนั้นแปลว่า เครื่องชำระใจให้บริสุทธิ์จากสิ่งเศร้าหมอง คือกิเลสอาสวะและบาปอกุศลนั่นเอง


ใจที่ใสสะอาดบริสุทธิ์เป็นบ่อเกิดแห่งบุญ บุญนั้นเต็มไปด้วยสมบัติทั้งหลาย มีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน ในบุญนั้นมีสมบัติทั้งหลาย ทั้งโลกียทรัพย์ และอริยทรัพย์ มันซ้อนกันอยู่ในกลาง ซึ่งจะเห็นได้ด้วยธรรมกาย


เมื่อเราได้เข้าถึงธรรมกาย ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย เราจะค้นพบว่าบุญนี้เห็นได้ และในบุญนั้นก็มีสมบัติ ทั้งโลกียทรัพย์ และอริยทรัพย์ ซึ่งแยกออกเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน มันซ้อนกันอยู่ที่นั้น และจะติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติ จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม ส่งเราไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม


บุญจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เราจะต้องสั่งสมกันให้มากๆ ตักตวงให้มากๆ ยิ่งใจบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ บุญก็ยิ่งเกิดขึ้นทับทวีมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นในเวลานี้ ให้ตั้งใจทำใจให้หยุดนิ่ง ให้ใจสะอาดบริสุทธิ์ เหมาะสมที่จะดป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่ที่จะเกิดขึ้น คือการหล่อพระธรรมกายประจำตัว และให้ทำใจใสๆ เพื่อเตรียมรับของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์


สำหรับการรับพระของขวัญนั้น จะต้องทำกาย วาจา ใจ ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ อย่าให้ฟุ้งซ่าน อย่าให้ขุ่นมัว ให้จิตใจใสบริสุทธิ์ เยือกเย็นในใจก็ให้มีแต่องค์พระใสๆ นึกอธิษฐานว่าพระของขวัญที่เราจะได้รับวันนี้ ขอให้มีความศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพ ประดุจพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ให้ปกปักรักษาตัวเราและครอบครัว ทั้งชีวิต ทั้งทรัพย์สิน ให้รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งมวล ให้นำมาซึ่งความสุข ความเจริญ ความสำเร็จในชีวิต ในธุรกิจการงาน และในทุกสิ่งที่พึงปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นโลกียทรัพย์ หรืออริยทรัพย์ก็ตาม แม้ถึงคราวจะปฏิบัติธรรมก็ขอให้พระของขวัญนี้ นำจิตนำใจ ประคองจิตประคองใจ ให้เข้าถึงพระธรรมกายได้โดยง่าย


ให้เราระลึกไว้เสมอว่า เราได้เป็นผู้ร่วมสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งจะเป็นสื่อสร้างคนให้เป็นคนดี จะทำให้กุศลจิตบังเกิดขึ้นในใจเขา ซึ่งกุศลจิตจะเป็นบ่อเกิดแห่งความคิดที่ดี เม่อความคิดดี คำพูดก็จะดี การกระทำก็พลอยดีไปด้วย และเมื่อความดีในตัวของเขาขยายไปสู่สังคม สังคมก็จะอยู่เย็นเป็นสุข ประเทศชาติก็จะเจริญรุ่งเรือง


ดังนั้นให้ทุกคนมั่นใจเลยว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้เป็นความดีล้วนๆ จึงควรที่จะปลาบปลื้มยินดีในสิ่งที่เราได้ทำเอาไว้ อย่าไปหวั่นไหวกับเสียงนกเสียงกา ให้สวมหัวใจของยอดนักสร้างบารมี ทุ่มเททั้งชีวิตจิตใจ ชักชวนผู้ที่เป็นเจ้าของบุญให้มาเป็นเจ้าภาพสร้างพระธรรมกายประจำตัวภายในมหาธรรมกายเจดีย์ ยิ่งพบกับอุปสรรค กำลังใจเรายิ่งต้องเพิ่มพูนทับทวี ให้ทำความสำเร็จคือกาปิดยอดองค์พระทั้งหมดภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๑ นี้ ให้สำเร็จให้ได้นะ

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล