อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

พระมหาสิริราชธาตุ รุ่นดูดทรัพย์ สำหรับ ผู้สร้างพระธรรมกายประจำตัวภายในมหาธรรมกายเจดีย์นั้น จะได้รับของที่ระลึกเป็นพระธรรมกายของขวัญ

อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ เรื่อง ขออุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา ป้าถวิล (บุญทรง) วัติรางกูล

คนสร้างวัด วัดสร้างคน

เรื่อง ขออุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา
ป้าถวิล (บุญทรง) วัติรางกูล


ป้าชื่อถวิล นามสกุลเดิม บุญทรง ป้าหันมาสนใจเรื่องของพระพุทธศาสนาเมื่อปี ๒๕๐๗ โดยมีความเป็นมาดังนี้
ความจริงป้าสนใจเรื่องพุทธศาสนามาตั้งแต่อายุ ๙ ขวบ เวลานั้นเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ไม่ใช่เป็นเพราะสนใจหลักธรรมอะไร เวลานั้นอยู่ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ป้าได้อ่านพบเศษหนังสือพิมพ์ชิ้นหนึ่ง มีภาพผู้คนหนีลูกระเบิดเข้าไปอยู่ในบริเวณวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ข้อความในข่าวเขียนว่า แม่ชีวัดปากน้ำเหาะขึ้นไปปัดลูกระเบิดที่เครื่องบินข้าศึกมาโจมตีจุดยุทธศาสตร์ในกรุงเทพมหานคร


ป้าอ่านข่าวแล้ว รู้สึกอัศจรรย์ใจมากว่า แม่ชีเหาะได้นี่ต้องมีวิชายอดเยี่ยม ไม่ได้นึกอยากเป็นแม่ชี แต่อยากเห็นแม่ชีที่เหาะได้คนที่เล่าไว้นั้น ทำไมถึงเก่งนัก จำไว้ได้แค่นั้น


ครั้งที่สอง เวลานั้นอายุ ๑๔ ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ของการศึกษาสมัยนั้น (เทียบได้กับวุฒิการศึกษาของมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ในสมัยนี้) ได้เคยไปศึกษาอยู่ในสำนักแม่ชีแห่งหนึ่ง ได้ยินแม่ชีเล่าเรื่องการทำสมาธิของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ฝึกแล้วจะเห็นพระพุทธรูปอยู่ในตนเอง และสามารถไปดูวิมานเทวดานางฟ้าได้ ก็คิดในใจโยงเอาเองว่า หลวงพ่อองค์นี้คงเป็นครูของแม่ชีเหาะได้ ครูต้องเก่งกว่าลูกศิษย์แน่ๆ หากเมื่อไรเราโตขึ้น จะไปหาหลวงพ่อองค์นี้ ไปขอเรียนวิชาด้วย นี่เป็นเพราะสนใจเรื่องไปเที่ยวสวรรค์ได้ จึงจำชื่อของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไว้ได้ไม่รู้ลืม


หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมศึกษา สอบไล่ได้เป็นที่หนึ่งของจังหวัด ได้รับทุนมาเรียนต่อในกรุงเทพฯ ยังคิดถึงเรื่องอยากไปหาหลวงพ่อวัดปากน้ำอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ทราบว่าวัดอยู่ที่ไหน คิดว่าวัดปากน้ำ แปลว่าอยู่ทางจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งในสมัยนั้น ยังไม่มีทางรถยนต์ไปถึง ต้องเดินทางโดยรถไฟ ถ้าไปเช้า ตอนเย็นคงกลับไม่ทัน เพราะไม่ทราบว่าวัดปากน้ำอยู่ตรงไหนของจังหวัด จึงยังไม่มีโอกาสตามหาวัด
กระทั่งเดือนมีนาคม ๒๕๐๒ มีผู้พาไปทำบุญที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รู้สึกดีใจมากจึงตามไป เมื่อไปถึงรู้สึกทั้งเสียใจและสุดแสนเสียดาย เพราะหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านเพิ่งจะมรณภาพไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่แล้วมา และวัดปากน้ำก็อยู่ในกรุงเทพฯ นี่เอง หมดวาสนาที่จะได้เป็นศิษย์ของท่าน จึงเลิกสนใจในพระพุทธศาสนา


ครั้งที่สาม เมื่อเลิกสนใจพระพุทธศาสนา เพราะครูบาอาจารย์ที่ต้องการพบมรณภาพไปแล้ว ชีวิตไม่มีกัลยาณมิตรทางธรรม จึงพลาดพลั้งต้องแต่งงานมีครอบครัว มีลูกๆ เกิดมาเป็นภาระผูกพันเหนียวแน่น


เมื่อเดือนสิงหาคม ปีพ.ศ.๒๕๐๗ ได้เดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ตามคำสั่งของทางราชการ ได้เจ็บป่วยอย่างกระทันหันในขบวนรถไฟขณะเดินทางไป เป็นไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน อาการปวดรุนแรงสาหัสจนไม่สามารถขยับตัวได้ แม้แต่เปล่งเสียงพูดก็เจ็บร้าวไปทั่วทุกขุมขน รู้สึกเหมือนใกล้จะหมดสติ พลันนึกถึงข่าวหนังสือพิมพ์ที่เคยอ่านพบว่ามีสมภารของวัดแห่งหนึ่ง สามารถทำสมาธิถอดใจออกจากกายขณะผ่าตัดลำไส้ โดยไม่ต้องวางยาสลบ


ขณะอ่านก็รู้สึกเพียงว่าพระภิกษุรูปนี้ท่านเก่ง คิดเพียงเท่านั้น แต่เมื่อกำลังเจ็บปวดถึงที่สุด หวนคิดถึงวิชาถอดใจกับกายออกจากกันของท่าน คิดได้ว่าต้องมีวิชานี้อยู่ในพระพุทธศาสนา จึงตั้งใจว่า หากรอดชีวิตครั้งนี้ไปได้ จะศึกษาพระพุทธศาสนา จะไปแสวงหาสถานที่เรียนวิชาถอดใจ เอาไว้สู้กับความตายให้ได้


เมื่ออธิษฐานด้วยกุศลจิต ก็มีปาฏิหาริย์เกิด บังเอิญมีผู้พบเห็นและให้ยาลมมารับประทาน จึงได้เรอเอาลมออกมาจากท้อง ทำให้อาการปวดทุเลาลง และไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ทัน


นับแต่นั้นก็เริ่มสนใจพระพุทธศาสนา เริ่มด้วยการซื้อหนังสือ และตำรามาอ่าน เนื่องจากลูกๆ ยังเล็กทั้ง ๓ คน ไม่มีเวลาว่างไปตามวัดต่างๆ อีกทั้งยังไม่มีวัดใดที่รู้สึกเลื่อมใสเป็นพิเศษ


เมื่ออ่านหนังสือธรรมะมากขึ้นหลายสิบเล่ม ศรัทธาในเรื่องการปฏิบัติธรรมจึงเกิด แรกๆ พยายามฝึกปฏิบัติเองตามตำรา แต่ต่อมาลูกๆ โตขึ้นบ้าง จึงไปวัดต่างๆ ตามโอกาส และทดลองปฏิบัติธรรมอยู่ ๔ แห่ง ๔ แบบ ได้ผลสำเร็จแค่เพียงใจสงบ และเห็นภาพทะลุฝาเป็นบางครั้งบางคราว ไม่แน่นอน


จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๑๑ เพื่อนของน้องชายชื่อคุณเผด็จ ผ่องสวัสดิ์ (ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุประจำที่วัดพระธรรมกาย ปัจจุบันเป็นที่ พระภาวนาวิริยคุณ) มาเยี่ยมที่บ้าน และได้ชวนไปวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ


คุณเผด็จใช้คำพูดชักชวนที่เป็นปาฏิหาริย์อย่างยิ่ง ฟังแล้วจับใจสว่างไสว และมีความรู้สึกดีใจเป็นที่สุด คือคุณเผด็จพูดด้วยข้อความว่า "พี่ไปกับผมดีกว่า ไปปฏิบัติธรรมชนิดที่ทั้งรู้ ทั้งเห็น"


คำว่าทั้งรู้ ทั้งเห็น เป็นคำอธิบายธรรมปฏิบัติที่กระจ่างแจ้ง และนั่นเป็นเหตุให้ป้าได้ไปพบและได้เป็นศิษย์คุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และหลวงพ่อธัมมชโย (ปัจจุบันเป็นที่ พระราชภาวนาวิสุทธิ์)


เท่าที่เล่ามาแต่ต้น จะเห็นได้ว่า ป้าสนใจเรื่องศาสนามาแต่เล็ก เพราะเรื่องปาฏิหาริย์แท้ๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่ชีเหาะได้ หลวงพ่อวัดปากน้ำ สอนไปเที่ยวสวรรค์ได้ เรื่องพระภิกษุถอดกายกับใจออกจากกันได้ เหล่านี้เป็นต้น


นึกย้อนหลังในอดีตแล้ว รู้สึกขอบใจหนังสือพิมพ์ในครั้งนั้นจริงๆ ทำไมจึงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีวิจารณญาณเลือกเอาข่าวดีๆ มีประโยชน์ เสนอให้ประชาชนทราบ ก่อให้เกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้


ในปีพ.ศ.๒๕๑๑ ที่ป้าได้ไปเรียนธรรมปฏิบัติกับคุณยายอาจารย์ที่บ้านธรรมประสิทธิ์ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ช่วงเวลานั้นป้ามีความสุขมาก ที่ได้ทราบว่าคุณยายอาจารย์ ก็คือแม่ชีที่เหาะขึ้นไปปัดลูกระเบิดได้ในสมัยสงครามโลกที่ผ่านมา ความศรัทธาในปาฏิหาริย์ทำให้ป้าไม่ดื้อดึง เมื่อรับฟังคำสั่งสอน เพราะป้าจะเตือนตนเองอยู่เสมอว่า แม้ตนเองจะมีความรู้ทางโลกมาหลายปริญญา มีหน้าที่ตำแหน่งการงานสูงทั้งๆ ที่อายุยังน้อย แต่เป็นคนที่ไม่รู้ธรรมปฏิบัติเลยแม้แต่นิดเดียว เสมือนหิ่งห้อยกับดวงอาทิตย์ เมื่อไปเทียบกับคุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ไม่มีความรู้ทางโลก เขียนอ่านหนังสือไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรมาทนงตัว


เล่าไว้เพื่อยืนยันความรู้สึกของตนเองตรงนี้ หากไม่เคยรับทราบปาฏิหาริย์ของคุณยายมาก่อน พบว่าเป็นเพียงแม่ชีแก่ๆ คนหนึ่ง อ่านก็ไม่ออก เขียนก็ไม่ได้ จะนับถือเชื่อฟังได้สนิทใจแค่ไหนก็ยังไม่รู้ นี้เป็นข้อชี้ให้เห็นได้ชัดเจนว่า ปาฏิหาริย์เป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียกศรัทธาที่ดีงามให้เกิดขึ้นแก่ตัวป้าเอง ทำให้เต็มอกเต็มใจไปปฏิบัติธรรมที่บ้านพักคุณยายฯ ทุกตอนเย็นเป็นปีๆ


คุณยายอาจารย์บุกเบิกงานใหญ่ให้สังคม เมื่อวัยของท่านย่างเข้า ๖๐ ปี ในขณะที่ชาวโลกส่วนใหญ่หยุดการทำงานในวัยนี้ ท่านประคับประคองการทำงานสร้างวัดด้วยความเหนื่อยยากสุดชีวิต ทั้งอบรมบุคลากร ที่เพิ่งรวมตัว ทั้งหาเงิน ทั้งวางแผนงาน แม้ไม่มีความรู้ทางโลกเลย อ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ อาศัยแต่ประสบการณ์ที่มีมาตลอดเกือบ ๔๐ ปีในวัดปากน้ำ มาปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม ใช้ในวัดแห่งใหม่ของท่าน เราจึงพบสิ่งดีๆ เช่นระบบงาน ความเป็นระเบียบ ความสะอาด รวมทั้งกฏข้อบังคับในการปฏิบัติตนของผู้คน การเลือกใช้สิ่งของอุปโภคบริโภค ที่สมควรเหมาะสมตามเหตุผล และอื่นๆ ตลอดมา ๓๐ ปี ในชีวิตส่วนที่ยังมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่ของคุณยาย
อย่างไรก็ตาม ในการปลูกไม้ผล เช่นมะม่วง ชมพู่ ฝรั่งฯลฯ เกษตรกรจะพบว่า มักจะมีแมลงอยู่ชนิดหนึ่ง แอบมาวางไข่ไว้ตั้งแต่ไม้ออกดอก รอเวลาจนกลายเป็นลูกผลเติบโต ไข่แมลงก็จะกลายเป็นตัวหนอนชอนไช ทำความเน่าเสียให้เนื้อผลไม้ไปบางส่วน ฉันใดก็ดี วัดพระธรรมกายก็หนีกฎธรรมชาติ ข้อนี้ไปไม่พ้น แม้คุณยายอาจารย์จะคอยระแวดระวังพิเศษแค่ไหน ก็ยังมีไข่แมลงแอบแฝงมาตั้งแต่ครั้งสร้างวัดใหม่ๆ และเริ่มเติบโตเป็นตัวหนอนร้ายอาศัยอยู่ในวัด เมื่อมีโอกาสจึงพยายามทำลายผลไม้เหมือนที่ทางวัดได้เคยปล่อยให้คนลักษณะดังกล่าวแล้วแอบแฝงอยู่มาตั้งแต่ต้น และเมื่อแสดงความประสงค์ร้ายเต็มที่ออกมา กลับนำเรื่องในวัดมาบิดเบือนให้ดูน่าเชื่อถือ กล่าวร้ายป้ายสีโจมตีอย่างขาดหิริโอตตัปปะ


คนภายนอกไม่รู้ความจริง เชื่อเหตุผลเพียงคิดว่าคนพูดเป็นคนเก่าแก่อยู่ในวัดมานาน ก็ยอมเชื่อถือโดยสนิทใจ มิได้สืบสาวราวเรื่อง นำข่าวเท็จเหล่านั้นมาช่วยขยายให้เกิดความเชื่อในทางลบต่อๆ กันออกไป


นับเป็นการเสียหายต่อประโยชน์ของส่วนรวมมากมาย ทำลายความตั้งใจทำงานให้ส่วนรวมของผู้อุทิศชีวิตเพื่อประโยขน์สุขของสังคม และของโลก ทำลายประโยชน์ของผู้คนที่จะได้รับจากงานฟื้นฟูพระพุทธศาสนา เพราะสิ้นศรัทธาไปตามคำบอกเล่าอันเป็นเท็จเหล่านั้น


การขาดปัญญา ขาดวิจารณญาณ เสียประโยชน์ขาดทุนชีวิตมหาศาล แทนที่จะพบสันติสุขทั้งชีวิตปัจจุบันและภพชาติเบื้องหน้า กลายเป็นมีใจเร่าร้อนขุ่นแค้นในปัจจุบัน และไปอบายภูมิในที่สุด น่าเศร้าจริงๆ


ป้ารู้จักหมู่คณะผู้สร้างวัดพระธรรมกายทุกคน ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ในการทำงานได้เต็มที่ คุณยายอาจารย์ท่านคิดถึงงานเผยแผ่ธรรมปฏิบัติเป็นหลัก จำนวนคนจะมาสนใจศึกษามากน้อยเท่าใด ท่านไม่คำนึีงถึง มีกำลังในชีวิตเท่าใด ทำแค่นั้น แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อที่วัด ท่านปรารถนาจะช่วยผู้คนทั้งโลก งานจึงต้องยิ่งใหญ่ก้าวหน้าหยุดยั้งไม่ได้ การปรารถนาสร้างบุญกุศลให้กว้างขวางไม่ใช่ความผิด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนว่า สิ่งที่สันโดษไม่ได้มี ๒ ประการ คือ กุศลธรรม และความเพียร เพราะฉะนั้นการทำงานบุญใหญ่ไม่ใช่ความผิดแน่นอน


แม้จะมีอุปสรรคขวากหนามในการสร้างบารมี เราสร้างวัดนี้ขึ้นมาด้วยความเหนื่อยยากลำบาก หลายคนสละไปแล้วแม้ชีวิต แต่ผลที่ได้รับเกินคุ้ม วัดสามารถสร้างคนดีๆ ให้ผู้คนและเยาวชนรุ่นแล้วรุ่นเล่า และคงจะทำได้อยู่เรื่อยๆ ตลอดไป


ป้าเองร่วมสร้างวัดขึ้นมา ประโยชน์ส่วนตัวนอกจากได้บุญกุศลและครอบครัวเป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว ยังได้ทันเห็นความฝันของตนเองเป็นจริงขึ้นมา ที่วัดนี้ช่วยอบรมจิตใจเยาวชนนับเป็นล้านๆ คน วัดสร้างคนได้จริงๆ

 



อุบาสิกาถวิล (บุญทรง) วัติรางกูล
อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนประถมนนทรีวิทยา
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านปริยัติ และปฏิบัติธรรม 
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล