วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ อุปสมบทหมู่ ๗,๐๐๐ รูป ๗,๐๐๐ ตำบลทั่วไทย

บทความพิเศษ

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

 





 

     จากภาวะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับภาวะวิกฤตทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งนับวันปัญหาต่าง ๆ จะยี่งทวีความรุนแรงเพี่มมาก ขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้ คณะสงฆ์ทั่วประเทศไทย มูลนิธิธรรมกาย วัดพระธรรมกาย ชมรมพุทธศาสตร์ สากล ในอุปถัมภ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย จึงได้ผนึกกำลังกันจัดให้มีโครงการอุปสมบทหมู่ ๗,๐๐๐ รูป ๗,๐๐๐ ตำบลทั่วไทย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อหลอมรวมใจของพุทธบริษัท ๔ ทั้งแผ่นดินที่จะมาสร้างมหากุศล เพื่อนำพาสังคม และประเทศชาติ ให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ด้วยอานิสงส์ผลบุญอันเกิดขึ้นจาก มหัคตกุศลในครั้งนี้

           นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังเป็นการช่วยฟื้นฟูประเพณีการบวชของชายไทย เพื่อสร้างศาสนทายาท ไว้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ซึ่งจะมีส่วนสำคัญอย่างยี่งต่อการฟื้นฟูศีลธรรมในจิตใจของคนไทย ให้กลับมาเจริญงอกงามขึ้นอีกครั้ง เหมือนดังเช่นเมื่อครั้งในอดีตที่ผ่านมา

"บวช" หัวใจของการปลูกฝังศีลธรรมในสังคม
        "การบวช" เป็นมรดกธรรมที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลตราบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ทราบกัน ดีว่าวัตถุประสงค์หลักของการออกบวช คือการทำพระนิพพานให้แจ้ง และแสวงบุญสร้างบารมีตามรอยบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการฝึกหัดขัดเกลาตนเองตามหลักไตรสิกขา อันได้แก่ ศีลสิกขา จิตตสิกขา และปัญญาสิกขา หรือหากจะกล่าวง่าย ๆ ก็คือ การศึกษาเรื่องศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อสั่งสมความบริสุทธี์ทั้งทางกาย วาจา และใจ ให้ยี่ง ๆ ขึ้นไป ซึ่งจะเป็นทางมาแห่ง "สามัญญผล" หรือผลที่ได้รับจากการออกบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีความละเอียดลุ่มลึกไปตามลำดับ จนกระทั่งบรรลุอรหัตผล สามารถกระทำที่สุดแห่งทุกข์ให้แจ้งได้ในที่สุด

 

 

           นอกจากนี้ การบวชยังมีคุณประโยชน์อย่างมหาศาลต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพุทธศาสนิกชน เพราะการบวชเป็นกลไก ในการปลูกฝังศีลธรรมให้แก่ผู้คนในสังคม โดยเรี่มต้นที่ผู้ชายซึ่งเปรียบเสมือน เสาหลักที่ต้องดูแลรับผิดชอบครอบครัว ดังนั้นตั้งแต่ โบราณมาจึงมีค่านิยมว่าชายไทยต้องบวชอย่างน้อย หนึ่งพรรษาจึงจะถือเป็น "คนสุก" ส่วนคนที่ยังไม่ได้บวชนั้นถือว่ายังเป็น "คนดิบ" อยู่ เพราะผู้ที่เข้ามาบวช ในพระพุทธศาสนา ต้องศึกษาและปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัย เพื่อนำเอาความรู้ไป เป็นบทฝึกในการขัดเกลานิสัยของตนเองให้ดีงาม โดยตั้งอยู่บน พื้นฐานของความบริสุทธี์กาย วาจา และใจ ซึ่งหาก มีศรัทธาบวชสร้างบารม ีต่อไปก็จะเป็นพระแท้ให้ญาติโยมได้กราบไหว้อย่างสนิทใจ หรือหากจำเป็นต้องลาสิกขากลับไปใช้ชีวิตในเพศฆราวาส ก็สามารถ ประคับประคองตนเอง และอบรมสั่งสอนบุตรหลานให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม ด้วยเหตุนี้ สังคมไทยในอดีต จึงมีความสงบร่มเย็น ผู้คนส่วนใหญ่มีนิสัยที่โอบอ้อม อารี รักบุญ กลัวบาป และมีความเชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรมอย่างแน่นแฟ้น

 




 

           แต่เมื่อหันกลับมามองสังคมในปัจจุบัน ก็ยี่งทำให้เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนว่า สังคมไทย ทุกวันนี้ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีความรู้สูง และมีเทคโนโลยีที่ล้ำยุคกว่าในอดีตอย่างมากมาย แต่ทำไม นับวันปัญหาวิกฤตต่าง ๆ ของบ้านเมืองกลับยี่งเพี่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนสังคมสมัยรุ่นปู่ ย่า ตา ยายของเรา ผู้คนกลับอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข คนสมัยก่อนแม้ว่าด้อยในเรื่องของวิทยาการและเทคโนโลยี แต่ท่านเหล่านั้นก็มีจุดเด่นที่สำคัญ คือ "ภูมิธรรม" ที่สามารถดำรงตนให้ตั้งอยู่ในศีลธรรม และสามารถอบรมสั่งสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้มากกว่าผู้คนในยุคนี้มากมายนัก

 



           นอกจากนี้ สี่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการบวชอีกประการหนึ่งก็คือ ปัจจุบันชายไทยส่วนใหญ่ มักมองข้ามความสำคัญของการบวช หรือหากบวช ก็นิยมบวชในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ ๗ วัน ซึ่งทำให้ผู้บวชไม่มีโอกาสได้ศึกษาธรรมะเหมือนกับสมัยก่อนที่บวชเรียนกันอย่างน้อยหนึ่งพรรษา ดังนั้น เมื่อผู้ชายยุคนี้แต่งงานมีครอบครัวไป จึงไม่ทราบว่า ควรจะต้องอบรมลูกหลานของตนให้เป็นคนดีได้อย่างไร กอปรกับสภาวะเศรษฐกิจที่บีบรัดก็ยี่งทำให้ พ่อแม่ไม่มีเวลาพาลูกเข้าวัดฟังธรรมเหมือนในอดีต ด้วยเหตุนี้ คนไทยจึงค่อย ๆ เรี่มห่างวัด ห่างธรรมะ ไปเรื่อย ๆ จึงเป็นเหตุให้หิริโอตตัปปะในจิตใจของผู้คนค่อย ๆ จางหายไป ยุคนี้มีผู้คนจำนวนมาก พร้อมที่จะทำผิดกฎหมายและประพฤติตนผิดศีลธรรม เพียงเพื่อแลกกับการได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทอง อำนาจ และชื่อเสียงเกียรติยศ ดังนั้น ทุกวันนี้สังคมไทยจึงเต็มไปด้วยกระแสของบาปอกุศล ที่ครอบงำจิตใจของผู้คน ทำให้เกิดความเศร้าหมอง และรุ่มร้อนไปกับปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังประสบอยู่ใน ขณะนี้

           ในส่วนพระพุทธศาสนาเองก็ได้รับผลกระทบ จากความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยเช่นกัน กล่าวคือเมื่อคนรุ่นใหม่ไม่นิยมบวช หรือบวชเพียงแค่ช่วงสั้น พระศาสนาจึงเกิดภาวะขาดแคลนศาสนทายาทที่ จะมาสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา กอปรกับการที่พุทธศาสนิกชน เรี่มเข้าวัดปฏิบัติธรรมลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ พระภิกษุสามเณร จึงประสบกับปัญหาการขาดแคลนปัจจัย ๔ ทำให้การดำรงชีวิตในเพศสมณะ มีความยากลำบากเพี่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้จำนวนของพระภิกษุ ในสังฆมณฑลเรี่มลดน้อยลง พร้อม ๆ กับการเพี่มขึ้นของวัดร้างที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ

           จากข้อมูลของกองพุทธศาสนสถาน สำนักงาน ศาสนสมบัติในสังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ พบว่า มีวัดร้างอยู่ทั่วประเทศถึง ๕,๐๙๘ วัด และมีวัดที่มีพระสงฆ์อยู่ทั่วประเทศ ๓๒,๗๑๐ วัด ซึ่งจนถึงขณะนี้ คาดว่าตัวเลขของวัดร้างน่าจะเพี่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ได้กล่าว ไปแล้วข้างต้น ซึ่งหากปล่อยให้ปัญหานี้เกิดขึ้นและสั่งสมต่อไปเรื่อย ๆ อีกเพียงไม่กี่ช่วงอายุคน อนาคต ของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยก็คงต้องประสบ กับภาวะวิกฤตอย่างแน่นอน

บวช ๗,๐๐๐ รูป เพื่อสืบชาติและพระศาสนา

           จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น พระเดชพระคุณ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ประธานมูลนิธิรรมกาย จึงมีความปรารถนาที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน โดยการเร่งฟื้นฟูประเพณีการบวช ตามแนวทางที่บรรพชนชาวพุทธ ได้เคยทำไว้ให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งหนึ่ง เพราะตระหนักดีว่า การบวช คือ หัวใจของการปลูกฝังศีลธรรม ให้แก่ผู้คนในสังคมได้อย่างแท้จริง

 



           ดังนั้น พระราชภาวนาวิสุทธี์จึงได้กราบขอความเมตตาคณะสงฆ์จาก ๓๐,๐๐๐ กว่าวัด ทั่วประเทศ ที่ได้เดินทางมาร่วมงานวันคุ้มครองโลก เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา เพื่อ ขอความเมตตาสนับสนุนโครงการอุปสมบทหมู่ ๗,๐๐๐ รูป ๗,๐๐๐ ตำบลทั่วไทย ที่กำลังจะจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ ๒๒ สิงหาคม ถึง ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากคณะสงฆ์ ทั่วประเทศเป็นอย่างดี นอกจากนี้ องค์กรพุทธต่าง ๆ รวมถึงสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือแก่ผู้นำบุญ ทุกท่าน ที่จะไปทำหน้าที่เชิญชวนผู้มีบุญจาก ทั่วประเทศ ให้มาเข้าร่วมการอุปสมบทในครั้งนี้

           โครงการอุปสมบทหมู่ ๗,๐๐๐ รูป ๗,๐๐๐ ตำบล ทั่วไทย คือโอกาสครั้งสำคัญของยอดนักสร้างบารมี ที่จะได้มาทำหน้าที่เป็นต้นบุญในการฟื้นฟูประเพณีการบวช และการสร้างศาสนทายาทเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา รวมถึงการมีส่วนช่วยฟื้นฟูศีลธรรม ในสังคมให้หวนกลับมาเจริญรุ่งเรือง ขึ้นอีกครั้งหนึ่งในยุคของเรา ซึ่งการทำหน้าที่ของทุกท่านในครั้งนี้ เปรียบประดุจกับสะพานแก้ว ที่ช่วยนำพาผู้คนมาสู่เส้นทางสว่าง ตลอดจนช่วยปิดนรก เปีดสวรรค์ และหนทางพระนิพพานให้แก่ผู้ที่จะมาบวช

 




 

           ยี่งไปกว่านั้น ท่านยังได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างพระแท้ ให้เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา เพราะแม้ว่าการอุปสมบท และการอบรมในครั้งนี้จะมีเวลาเพียงแค่ ๓ อาทิตย์ แต่ก็เป็นบุญใหญ่ ที่มีอาจจะนับจะประมาณได้ เพราะหลังจากที่ผู้บวชได้ลาสีกขา กลับมาใช้ชีวิตในเพศคฤหัสถ์ดังเดิมแล้ว เขาผู้นั้น ก็จะเป็นบุคคลที่มีสัมมาทิฐิ มีความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายชีวิต และสามารถนำหลักธรรม กลับมาใช้ในการดำเนินชีวิต และอบรมสั่งสอนลูกหลานของตน ให้เป็นคนดีสืบไป

           ดังนั้น บุญจากการทำหน้าที่ในครั้งนี้ จึงมีอานิสงส์อันยี่งใหญ่ไพศาล ที่จะย้อนกลับมาช่วยปิดนรก เปิดสวรรค์ และหนทางพระนิพพานให้แก่ยอดกัลยาณมิตรทุกท่าน อีกทั้งเมื่อได้มาเกิดเป็นมนุษย์ บุญก็จะหนุนนำให้ได้มาบังเกิดในปฏิรูปเทส ที่เจริญรุ่งเรืองด้วยพระพุทธศาสนานับภพนับชาติไม่ถ้วน และได้เกิดในตระกูลสัมมาทิฐิ ที่แวดล้อมไป ด้วยหมู่ญาติที่เป็นคนดีมีศีลมีธรรม ตลอดชีวิตก็จะได้พบเจอแต่กัลยาณมีตรคอยชักชวนให้ทำแต่ความดี คนภัยคนพาลก็มีอาจมากล้ำกราย ที่สำคัญบุญนี้จะ ช่วยหนุนนำให้ทุกท่านได้เพศบริสุทธิ์ และได้บวชใน พระพุทธศาสนา อันเป็นเส้นทางสายเอกที่จะนำไปสู่การหลุดพ้นจากห้วงวัฏสงสารได้ในที่สุด

           ยอดกัลยาณมิตรทุกท่าน คือบุคคลสำคัญที่จะทำให้โครงการอุปสมบทหมู่ ๗,๐๐๐ รูป ๗,๐๐๐ ตำบลทั่วไทย สามารถเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อน้อมถวายความสำเร็จนี้บูชาธรรมแด่ พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธี์ ในวันธรรมชัย ที่ ๒๗ สิงหาคม นี้ ซึ่งความสำเร็จในครั้งปฐมเรี่มนี้ จะช่วยต่อยอดความสำเร็จให้กับการบวชในปีต่อ ๆ ไป จนกว่าจะถึงเป้าหมายหนึ่งล้านรูป สมดังปณิธาน ของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธี์ ที่ท่านปรารถนาจะนำพาประเทศไทยให้เป็น "ไทยมหารัฐ" ซึ่งเป็นดินแดนที่ยี่งใหญ่ด้วยศีลธรรมในจิตใจของผู้คน เพื่อให้คนไทยเป็นต้นบุญใหญ่ในการนำพาชาวโลกให้ เข้าถึงสันติสุขที่แท้จริง อันเกิดจากการศึกษาธรรมะ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ตราบกระทั่งวันเข้าถึงสันติสุขอันยอดยี่ง นั่นคือการบรรลุนิพพาน...

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล