ทัณฑ์ทรมานแห่งนรก ตอนที่ ๑

วันที่ 07 กพ. พ.ศ.2565

650207_B.jpg

ทัณฑ์ทรมานแห่งนรก ตอนที่ ๑

นิยาม ทัณฑ์ทรมานแห่งนรก

นรก.....เป็นที่เสวยผลแห่งบาปที่ได้กระทำกรรมชั่วไว้

นรก.....สิ่งสากล ไม่ได้เป็นที่เฉพาะของชาติใดชาติหนึ่ง หรือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่เป็นของกลางๆ ของทุกชาติ ทุกภาษา และทุกศาสนา

นรก.....อีกโลกหนึ่งสำหรับรองรับผู้ไปสู่ปรโลกด้วยใจที่เศร้าหมอง เพราะบาปกรรมที่ทำไว้

นรก.....แออัดไปด้วยอดีตมนุษย์ผู้กระทำกรรมชั่ว ไม่ละเว้นแม้อดีตผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพระราชาหรือมหาเศรษฐี

นรก.....ดินแดนแห่งความมืด บรรยากาศเต็มไปด้วยความร้อนแรงของไฟนรก และเครื่องทัณฑ์ทรมานที่ร้อน ทึม มืด มีแต่เสียงร้องโหยหวนของสัตว์นรกที่ได้รับความเจ็บปวด และทุกข์ทรมานอยู่ตลอดเวลา

นรก.....ดินแดนอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่มีเวลาว่างเว้นจากการถูกทัณฑ์ทรมานเลย

นรก.....นิรยบาลบังเกิดขึ้นจากวิบากกรรมของสัตว์นรก พร้อมเครื่องทัณฑ์ทรมานที่หลากหลายจนจินตนาการไปไม่ถึง ทั้งสัตว์นรกและนายนิรยบาล มีกายโตใหญ่เป็นภูเขาเลากา ขนาดลูกเล็กบ้าง ปานกลางบ้าง ใหญ่บ้าง แล้วแต่แรงกรรม

นรก.....มีไฟอันร้อนแรง สามารถทำลายนัยน์ตาของผู้ยืนดูอยู่ ที่ห่างออกไป ๑๐๐ โยชน์ ก้อนหินน้อยๆ ทิ้งลงไปในไฟปกติ ไฟเผาลนอยู่ตลอดวันไม่ย่อยยับ แต่ว่าหินก้อนโตเท่าปราสาททิ้งลงไปในไฟนรกก็ย่อยยับไปในทันที แม้ดวงอาทิตย์ใส่ลงไปในไฟนรกก็แวบละลายหายไปในทันที

          นรกมีจริง ไปถึงได้เมื่อเข้าถึงพระธรรมกาย คือ เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในซึ่งมีอยู่ในศูนย์กลางกายของมนุษย์ทุกคน

 

เปรต..ผู้ทนทุกข์ทรมาน..

            เปรต คือ อดีตมนุษย์หรือเทวดาที่เคยทำกรรมหนัก เมื่อชดใช้กรรมส่วนใหญ่ในมหานรก อุสสทนรก และยมโลกแล้ว ก็มาเป็นเปรต เปรตที่มีปรากฏไว้ในพระไตรปิฎกมีหลายจำพวก หลายตระกูล มีขนาดไม่เท่ากันเล็กบ้าง กลางบ้าง ใหญ่บ้าง บางตัวก็มีขนาดใหญ่มากๆ เราจะเห็นคุณค่าของสวรรค์ คุณค่าของการทำความดี ก็ต้องดูภาพเปรต

ลักษณะและบุพกรรมของเปรตชนิดต่าง ๆ

เปรตชิ้นเนื้อ

          เปรตชิ้นเนื้อมีหลากหลายรูปร่าง เป็นชิ้นเนื้อ ถูกอีกาปากเหล็กรุมจิกกิน ทรมานร้องโอดโอย มีบุพกรรม คือ ตอนเป็นมนุษย์ ทำปาณาติบาตฆ่าหมูขาย ฆ่าวัวขาย ฯลฯ

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E2.jpg

 

เปรตโดนจักรผ่าหัว

           คือ อดีตมนุษย์พวกเลอะๆ เทอะๆ ชอบพูดเรื่อยเปื่อยว่า คนนั้นตายไปอยู่ตรงนั้นตรงนี้ แต่จริงๆ ตัวก็ไม่ได้เห็นจริง คือ พูดเพื่อหวังลาภสักการะ ตายไปแล้วก็ไปเป็นเปรตโดนจักรผ่าหัวอยู่ตลอดเวลา ที่ตัวมีหนอนฟันเหล็กชอนไชกัดกินเต็มไปหมด หน้าตาก็บูดเบี้ยวเจ็บปวดทุกข์ทรมานยาวนานเป็นกัป

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E3.jpg

 

เปรตหัวอยู่ที่กระเบนเหน็บ

           กำลังแลบลิ้นคว้าอาจมที่ออกมาทางทวารหนักตลอดเวลา แล้วกินเข้าไปได้ตลอดเวลา ตามตัวมีหนอนชอนไช ได้รับความเจ็บปวดทรมานเป็นล้าน ๆ ปีมนุษย์ มีบุพกรรมคือ เป็นคนที่ชอบกินสินบน ถ้าอยู่วัดก็วัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E4.jpg

 

เปรตขนหอกขนดาบ

          เปรตชนิดนี้ลิ้นจะยาวแล้วตวัดมีดสับเฉาะตัวเองทั่วตัว ตามรูขุมขนจะมีมีดโผล่ขึ้นมา อันนี้โผล่อันนั้นหุบ เข้าๆ ออกๆ ทิ่มแทงเนื้อตัวเองตลอดเวลา ได้รับความทุกข์ทรมานมากบุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ใช้วาจากล่าวจ้วงจาบผู้มีศีลมีธรรม ด่าว่าเองบ้าง ชวนคนอื่นให้ด่าบ้าง หรือขีดเขียนด่าบ้าง

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E5.jpg

 

สัฏฐิกูฏเปรต (เปรตฝนฆ้อน)

           เป็นเปรตที่โดนฝนฆ้อนทั้งหนักและร้อน ๖ หมื่นอัน หล่นลงมาจากฟากฟ้ามาทุบหัวจนเละ แล้วก็มีหัวงอกขึ้นมาใหม่ ฝนฆ้อนก็หล่นลงมาอีกยาวนาน บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ไปลองวิชาดีดกรวดถูกพระปัจเจกพุทธเจ้า ขณะบิณฑบาต จนกระทั่งท่านนิพพาน

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E6.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E7.jpg

 

เปรตแบกแผ่นดิน

            เปรตชนิดนี้แบกแผ่นดิน ที่ลุกเป็นไฟร้อนระอุ มีบุพกรรมคือ โกงที่ดินของสงฆ์ โดยตนมีที่ดินติดกับวัด ได้ไถที่ดินกินที่ของวัดเอาไปทำนาทำสวนของตัวเอง

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E8.jpg


เปรตหมู

            มีลักษณะตัวเป็นคน แขนขาเป็นหมูหัวเป็นหมู ตัวเป็นเปรต หางออกทางปาก ไฟลุกท่วมตัวอาเจียนออกมาเป็นอาจม มีหมู่หนอนชอนไชได้รับความทุกข์ทรมานมาก บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้ เพราะ ฆ่าหมูขายเป็นอาชีพ

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E9.jpg

 

เปรตอ้วกแล้วอ้ำ

           เป็นเปรตที่มีตัวสูงใหญ่ ผอมดำพุงป่อง อาเจียนออกมาเป็นอาจมและหนอน กอบแล้วกินเข้าไปใหม่ บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะทำผิดศีลข้อ ๒ ข้อ ๔ และข้อ ๕ แต่ได้บุญที่ตนเคยบวชเป็นพระภิกษุตอนอายุมากแล้ว และบุญที่เคยสร้างพระพุทธรูปองค์หนึ่งไว้ในพระพุทธศาสนาจึงทำให้ไม่ต้องไปอยู่ในมหานรก

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E10.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E11.jpg

 

เปรตกินน้ำเลือดน้ำหนอง

           กำลังกินคูถและเลียกินน้ำเลือดน้ำหนองของเปรตที่อยู่ข้างหน้า เข้าคิวกันเป็นทิวแถว บุพกรรมเพราะ ในอดีตเคยเป็นคนรวยแต่มีความตระหนี่มาก

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E12.jpg
 

เปรตลากของลับ

           บุพกรรมคือ พูดคำหยาบ ให้ของลับแก่ผู้มีศีล

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E13.jpg

 

เปรตมือโตเท้าโต

          จะมีหูอยู่ใต้คาง มือใหญ่ เท้าใหญ่ บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ตบตีและเถียงพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เหตุเพราะติดยาเสพติด สุรา และการพนัน มาขอเงิน พ่อกับแม่ไม่ให้ จึงตบตีแบบไม่มีเหตุผล แต่การให้เหตุผล ไม่เรียกว่าเถียง ก็ต้องดูจังหวะเวลาและอารมณ์ของบุพการี คุณพ่อ คุณแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ผู้มีอายุ ผู้มีศีลมีธรรมด้วยว่า ท่านมีเวลาและอารมณ์ไหม แล้วสิ่งที่เราพูดนั้นเป็นเหตุเป็นผล หรือว่าเรามีเหตุผลแบบเอาสีข้างเข้าถู

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E14.jpg


เปรตหัวโตตัวเล็ก

           มีไฟลุกท่วมตัว หัวหนักติดอยู่กับพื้น มีบุพกรรมคือ ชอบหลอกลวงผู้อื่นว่า ตัวเองเป็นคนที่มียศใหญ่ หน้าใหญ่ มีฐานะดี ทำให้เขาเสียหาย เสียทรัพย์ เสียคน เสียอนาคต เสียทุกสิ่งทุกอย่าง

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E15.jpg

 

เปรตตัวโตหัวเล็ก

           มีลักษณะตัวใหญ่แต่หัวเล็กนิดเดียว เนื้อตัวมีหนอนชอนไชเฟอะฟะ บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ วจีกรรม เป็นผู้มีอัธยาศัยชอบพูดให้คนเสียหน้าต่อหน้าธารกำนัล ยิ่งเขาเสียหน้าเท่าไรก็ยิ่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก สนุกปากแต่ลำบากคนอื่น

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E16.jpg
 

เปรตสาวไส้ให้กาปากเหล็กกิน
มีบุพกรรม คือ ตอนเป็นมนุษย์ มีอาชีพเป็นนักสืบสายลับ แต่ชอบนำความลับไปบอกคนอื่นเพื่อแลกกับเงินทอง ทรัพย์สินและตำแหน่งหน้าที่

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E17.jpg

 

เปรตคอบิดแขนบิดเบี้ยว

            เป็นเปรตที่มีลักษณะคอบิด แขนบิด มือบิด ตัวบิด ขาบิด มีบุพกรรมคือ ชอบบิดเบือนความจริง เพื่อให้ตนได้ทรัพย์มา

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E18.jpg


เปรตมือใหญ่

            คือ เปรตที่มีตัวเล็ก แต่มือใหญ่ ถูกไฟไหม้ตามตัว บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ตอนเป็นมนุษย์มีนิสัยชอบลักขโมยสิ่งของของคนอื่น ขโมยตั้งแต่ของเล็กน้อย ของปานกลาง จนกระทั่งของใหญ่ ปกติมือของมนุษย์เขามีเอาไว้ทำความดี เช่นจับทัพพีตักบาตร ใส่บาตร หรือพนมมือไหว้บุคคลที่ควรบูชา แต่กลับเอามือไปขโมยสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E19.jpg

 

เปรตไม่มีหนังกำพร้า
ตัวไม่มีหนังกำพร้า จะเห็นเนื้อแดงๆ มีไฟลุกท่วมตัว น้ำเหลืองน้ำหนองไหล มีบุพกรรมคือ ตอนเป็นมนุษย์ชอบปอกลอกคน เขาจะมีเทคนิค มีวิธีการที่จะได้ทรัพย์สินเงินทองของคนอื่นโดยมิชอบ

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E20.jpg


เปรตหนูเฝ้าสมบัติ
มีบุพกรรมคือ เป็นคนที่มีทรัพย์มาก แต่ตระหนี่หวงแหนทรัพย์ไม่ให้ทรัพย์ใครเลยกลัวคนอื่นเขาจะรู้ว่า ตนมีทรัพย์มาก ก็ปิดๆ บังๆ เมื่อใกล้ตาย จิตมีความกังวล ผูกพันอยู่กับทรัพย์ของตน จึงไปเกิดเป็นเปรตหนูเฝ้าทรัพย์เฝ้าสมบัติ ใครมาเข้าใกล้ทรัพย์ของตนก็จะโกรธ

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E21.jpg

 

เปรตลิง

             มีบุพกรรมคือ ชอบล้อเลียนผู้เฒ่าผู้แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย ผู้สูงอายุ ผู้มีศีลมีธรรม จึงไปเกิดเป็นเปรตลิง

 650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E22.jpg
 

เปรตโครงกระดูก

             มีลักษณะ คือ ไม่มีเนื้อเลยมีแต่โครงกระดูก ร้องโอดโอยตลอดเวลา บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ตอนเป็นมนุษย์ ทำปาณาติบาต ฆ่าวัว ฆ่าควาย เฉือนเนื้อไปจนกระทั่งเหลือแต่กระดูก

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E23.jpg

 

เปรตผมงาม

            ตัวเป็นเปรต แต่มีผมงาม บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ อดีตเป็นเศรษฐีมีฐานะดี แต่มีความตระหนี่หวงแหนทรัพย์ มีลูกสุดที่รักอยู่คนหนึ่ง วันหนึ่งลูกจะไปทำบุญ เศรษฐีไม่ได้ศรัทธาพระ แต่ด้วยความรักลูก จึงเอาพัดขนนกยูงให้ลูก ก็แล้วแต่ว่าลูกจะเอาไปทำอะไร ลูกเอาพัดนั้นไปถวายพระ เศรษฐีทราบ แต่ก็เกิดความตระหนี่หวงแหนเป็นเจ้าเรือนอยู่ในใจตลอดเวลา ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นเปรต และเพราะบุญที่ลูกเอาพัดขนนกยูงไปถวายพระจึงมีผมงาม

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E24.jpg


เปรตปากไปอยู่ที่ก้น

             ที่หน้าไม่มีปาก แต่ปากไปอยู่ที่ก้น กำลังอาเจียนเป็นอาจม มีหนอนออกมา บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ชอบนินทาว่าร้ายลับหลัง ทำให้ผู้อื่นเสียหาย

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E25.jpg

 

เปรตตาแหก

            มีดวงตาถลนออกมา มีหนอนออกมายั้วเยี้ยะ บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ตอนเป็นมนุษย์ใช้ดวงตาเป็นทางมาแห่งบาปอกุศลกรรม คือ ตนมีหน้าที่ตักอาหารในโรงทานเลี้ยงอาหารแก่คนยาก คนจน คนเดินทางไกล เจ้าของทรัพย์บอกให้ยิ้มแย้มแจ่มใสประทับใจตลอดกาล แต่ผู้ที่ทำหน้าที่กลับทำตรงกันข้าม เพราะ เกิดความเสียดายบ้าง เมื่อยบ้าง รำคาญบ้าง จึงได้ตลึงตาใส่ผู้ที่มาขออาหารจนทำให้เขาเกรงใจบ้าง กลัวบ้าง ไม่กล้ามาขออาหารอีกเลย

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E26.jpg
 

เปรตไม่มีแขนมีไฟลุกท่วมตัว

            มีบุพกรรมคือ ขโมยสิ่งของ ฉ้อฉลโกงทรัพย์ของผู้อื่น

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E27.jpg

 

เปรตอีกา

             มีไฟลุกท่วมตัว ได้รับความทุกข์ทรมานมาก มีบุพกรรมคือ แต่เดิมก็เป็นอีกา เขาจัดเตรียมอาหารไว้เลี้ยงพระ เอาอาหารตั้งวางไว้ ก็มาจิกกินอาหารที่เขาจะเอาไปเลี้ยงพระ ตายแล้วจึงมาเป็นเปรตอีกา ดังนั้น ไม่ใช่เฉพาะคนเท่านั้นที่ไปเป็นเปรต แม้อีกามันเป็นสัตว์ไม่รู้เรื่อง แต่ทำไปเพราะความหิว ก็ยังไปเป็นเปรต เรื่องกฎแห่งกรรมนี้ สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ดิรัจฉาน ล้วนตกอยู่ในกฏแห่งกรรมทั้งสิ้น จะบอกว่า ไม่รู้ไม่ได้ เหมือนกองเพลิงใหญ่ ใครจับไฟก็ร้อนทั้งนั้น

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E28.jpg


เปรตเล็บเป็นหอกเป็นดาบ

           ตะกุยเนื้อตัวเองกิน มีบุพกรรมคือ ทำปาณาติบาต เลี้ยงชีวิตตัวด้วยชีวิตของผู้อื่น

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E29.jpg

 

เปรตปากแหวะ

           เป็นเปรตไม่มีปาก มือขวาถือมีดดาบ มือซ้ายถือคนโทน้ำชนิดหนึ่ง มีหนอนเกิดขึ้นในตัวและพยายามจะดันออกมา แต่มันไม่มีปากให้ออก จึงต้องเอามีดผ่าปาก แล้วมือซ้ายที่ถือคนโทก็เทน้ำด่างไปที่แผล น้ำด่างเจอปากที่มีแผล ก็ทำให้มีอาการทั้งแสบ ทั้งร้อน ได้รับความทุกข์ทรมานมาก บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ตอนเป็นมนุษย์ ชอบพูดล้อเลียน พูดส่อเสียด พูดตัดทอนกำลังใจคนทำความดี เช่น เขาจะไปไหว้พระเจดีย์ ก็บอกว่า อย่าไปเลย พูดให้เขาไขว้เขว

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E30.jpg


เปรตขนหอก

          มีหอกทั้งแหลมและคม ทิ่มแทงออกมาจากตัวตามขุมขน ไฟก็ลุกท่วมตัว ทุกข์ทรมานมาก บุพกรรมคือ ตอนมีชีวิตอยู่เป็นนายพราน ล่าสัตว์ด้วยหอก

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E31.jpg

 

เปรตคลุกฝุ่น

           เป็นเปรตเพศหญิง ตัวผอมเลอะเทอะไปหมด ตัวเป็นโรคผิวหนังมีเม็ดขึ้นด้วย คันมาก ทรมานมาก รู้สึกว่า อยากจะคลุกฝุ่น แต่พอคลุกฝุ่นแล้ว ก็ทั้งแสบ ทั้งคัน ทั้งปวด มีบุพกรรมคือ ตอนเป็นมนุษย์ เป็นภรรยาหลวงไม่มีลูก และเป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่ชอบให้สามีไปทำบุญ สามีจึงไปหาภรรยาอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนดี มีสัมมาทิฏฐิ สนับสนุนให้สามีทำบุญ แล้วมีบุตรด้วยกัน ภรรยาหลวงจึงหงุดหงิด แกล้งเอาฝุ่นไปโรยบนที่นอนบ้าง เสื้อผ้าบ้าง เอาเสื้อผ้าไปทิ้งในหลุมขยะบ้าง หลุมคูถบ้าง ตายแล้วจึงมาเป็นเปรตคลุกฝุ่น

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E33.jpg


เปรตหัวหมูเขี้ยวงอก

           เป็นเปรตผู้หญิงหัวเป็นหมู มีเขี้ยวงอก มีบุพกรรมที่เกิดจากวจีกรรม ชอบด่าว่าสามีและแม่สามี

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E34.jpg

 

เปรตกินลูกตัวเอง

           ด้วยวิบากกรรมบันดาลให้เปรตตั้งครรภ์และออกลูก พอลูกออกมาก็จับกินเช้า ๕ คน เย็น ๕ คน เลือดโทรมกาย เนื้อตัวเต็มไปด้วยน้ำเลือด น้ำหนอง บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ผิดคำสาบาน ตนเป็นภรรยาหลวงแต่เป็นหมัน สามีจึงหาภรรยาใหม่ เพื่อต้องการลูกสืบสกุล ภรรยาใหม่ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ ภรรยาหลวงจึงหงุดหงิด ได้หารือกับปริพาชิกาที่เป็นเดียรถีย์ปรุงยาให้ภรรยาน้อยกินแล้วแท้งลูก แม่สามีก็สงสัยว่า จะเป็นฝีมือของภรรยาหลวง จึงเรียกมาซักถาม ภรรยาหลวงโกหก ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นเปรตกินลูกตัวเอง

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E35.jpg


เปรตหัวขาด

           มีตากับปากอยู่ที่ตัว ถูกอีกาปากเหล็กจิก มีบุพกรรมคือ ตอนเป็นมนุษย์เป็นเพชรฆาต ฆ่าตัดหัวนักโทษ

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E36.jpg

 

เปรตย่าง   

              มีลักษณะเหมือนไก่ย่าง โดนถ่านเพลิงเผาไหม้ มีบุพกรรมคือ เคยเกิดเป็นอัครมเหสีของพระราชาองค์หนึ่ง วันหนึ่งทอดพระเนตรเห็นพระราชากำลังสรงสนานพระวรกายกับนางสนม เห็นแล้วเกิดความหึงหวง จึงคอยจังหวะให้เลิกสรงสนาน พระราชาเมื่อสรงสนานเสร็จจะต้องเอามือมาอังเตาไฟเพื่อให้หายหนาว พอพระราชาอังเสร็จผ่านไป นางสนมก็จะมาอังบ้าง แต่ยังไม่ทันได้อัง อัครมเหสีก็เอาเตาไฟร้อนแรงนั้น ทุ่มใส่หัวนางสนมไหม้ทั้งเนื้อทั้งตัว

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E37.jpg
 

เปรตกินเนื้อตัวเอง

            จะมีเนื้อหลุดออกมา ที่ละชิ้นๆ พอหลุดออกมาก็ก้มเก็บกิน จนเหลือแต่โครงกระดูก ได้รับความทุกข์ทรมานมาก บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ตอนเป็นมนุษย์ชอบหลอกลวงคนอื่น และพยายามพูดตัดทอนคนที่จะทำความดี อีกทั้งมีวจีกรรม คือ เมื่อพระมาบิณฑบาตก็ขับไล่ให้พระไปด้วยคำที่ว่า ให้ไปกินเนื้อตัวเอง

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E38.jpg

 

เปรตคู่กรรม

           มีที่มาคือ เปรต ๒ ตัว เอาฆ้อนเหล็กตีกัน ฝ่ายชายตีฝ่ายหญิงจนฝีขึ้น ฝ่ายหญิงก็ตีฝ่ายชายจนฝีขึ้นเหมือนกัน พอฝีขึ้นมาก็หยุดตี แล้วก็ช่วยกันบ่งฝี เอาน้ำเหลืองน้ำหนองอีกฝ่ายมากิน บุพกรรมที่เป็นเช่นนี้เพราะ ตอนเป็นมนุษย์ ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันมีลูกด้วยกัน เนื่องจากเป็นพราหมณ์ ไม่นับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่นับถือพระรัตนตรัยเลย แต่ลูกนับถือและสั่งสมบุญจึงนิมนต์พระมารับถวายมหาทานที่บ้าน พ่อกับแม่เห็นพระแล้ว ก็ด่าว่าพระและด่าลูก ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E39.jpg

 

เปรตกอบแกลบ

           ใช้มือทั้งสองกอบเอาแกลบที่มีไฟลุกโพลง เกลี่ยลงบนศีรษะของตัวเอง เสวยทุกขเวทนาเป็นอันมาก เพราะบุพกรรม เคยเกิดเป็นพ่อค้า เลี้ยงชีพด้วยการค้าขายโกงตาชั่ง เอาดินแดงไปคลุกกับข้าวสาลี เพื่อให้ข้าวสาลีมีน้ำหนักมากขึ้น แล้วเอาไปชั่งขาย

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E40.jpg

 

เปรตเด็ก

           มีเลือดดำไหลออกจากปาก มีบุพกรรมคือ ตอนเป็นมนุษย์ เป็นเด็กสองคนพี่น้อง ต้องออกไปทำมาหาเลี้ยงชีพเอาของไปขาย เพื่อเอาเงินมาซื้ออาหารเลี้ยงดูครอบครัว พอได้เงินมาก็เอาให้แม่ แม่เป็นผู้มีศรัทธาในพระรัตนตรัย จึงนิมนต์พระขีณาสพทั้งหลาย มาฉันภัตตาหารที่เรือนของตน แต่เด็กทั้งสองไม่พอใจ จึงด่าว่าและพูดด้วยความโกรธว่า ทำไมแม่จึงให้สิ่งของของเราแก่พวกสมณะ ขอให้โลหิตดำจงไหลออกจากปากของพวกสมณะผู้บริโภคของในภาชนะที่แม่ให้ เด็กทั้งสองเมื่อละโลกแล้วจึงได้ไปเกิดเป็นเปรตเด็ก มีลักษณะเช่นนี้

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E41.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E42.jpg

 

เปรตเอาฆ้อนทุบหัวตัวเอง

           เสวยทุกขเวทนามาก บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ วจีกรรม เคยเกิดเป็นลูกชายของพ่อค้าที่โกงตาชั่ง พาเพื่อนมาเที่ยวที่บ้าน แม่ไม่ยอมให้เกียรติยกย่องเพื่อน เกิดความโกรธจึงเอาเชือกหนัง ๒ เส้นตีศีรษะแม่

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E43.jpg
 

เปรตลอยอยู่กลางอากาศ

           เปรตตัวนี้มีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม และมีไฟลุกท่วมตัว เหาะหนีอีกาที่ไล่จิกตี บุพกรรมคือ เคยเกิดเป็นอัครมเหสีของพระราชาองค์หนึ่ง เกิดความริษยานางสนมคนโปรดของพระราชา จึงได้สาดถ่านไฟร้อนระอุใส่นางสนม จนไหม้ทั้งตัว

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E44.jpg

 

เวมานิกเปรต

            ตอนกลางคืนเป็นเปรต ถูกสุนัขดำหูด้วนกัดกิน แล้วคาบโครงกระดูกไปทิ้งในสระ กลางวันก็ขึ้นมาจากสระเป็นเทพธิดา มีสมบัติ มีวิมาน บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ตอนเป็นมนุษย์ เป็นภรรยาของอุบาสกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นพระโสดาบัน มีสหายถึง ๕๐๐ คน และเป็นผู้ที่ขวนขวายในการทำความดีมาก เช่น สร้างวิหาร สร้างสะพาน สร้างที่จงกรม ฯลฯ ไปวัดปฏิบัติธรรมกับสหายเป็นประจำ

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E45.jpg

           ฝ่ายภรรยาของอุบาสกเหล่านั้นก็เป็นผู้ที่มีความพร้อมเพรียงกัน ถือดอกไม้ของหอมไปวัดเป็นประจำเช่นเดียวกัน ได้ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาเสมอๆ อยู่มาวันหนึ่ง หญิงทั้งหลายได้เดินผ่านกลุ่มของนักเลงเจ้าชู้ นักเลงเจ้าชู้เมื่อเห็นหญิงภรรยาของผู้มีบุญเหล่านั้นผ่านมาจึงคิดว่า หญิงเหล่านี้มีศีลจริงหรือ จึงพนันกัน ถ้าใครชนะจะได้ทรัพย์ ๑ พันกหาปณะ ถ้าใครแพ้ ก็ต้องเสียทรัพย์ ๑ พันกหาปณะ

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E45.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E46.jpg

          นักเลงเจ้าชู้คนหนึ่งจึงอาสาทดลอง โดยถือพิณบรรเลงเพลง ขับร้องเพลง ทุกวัน หญิงหนึ่งในห้าร้อยคนนั้นเผลอสติ เกิดเคลิบเคลิ้มในเสียงเพลงกับดวงตาเจ้าชู้ของพ่อหนุ่มรูปหล่อนักเลงเจ้าชู้นั้น พอเคลิบเคลิ้มเข้าก็เลยพลาด หนุ่มนักเลงเจ้าชู้ที่ชนะก็ได้เงิน ๑ พันกหาปณะ ส่วนคนที่เสียพนันก็โกรธเพราะเสียดายทรัพย์ และก็สงสัยด้วยว่า หญิง ๕๐๐ คนนั้นไม่ได้มีศีลจริงๆ จึงไปฟ้องสามีของหญิงคนนั้น สามีฟังแล้วก็ยังไม่มั่นใจ เพราะเราก็เข้าวัดด้วยกันทั้งคู่ จึงไปถามภรรยาของตนว่า เธอเป็นอย่างที่นายคนนั้นมาบอกหรือเปล่า ภรรยาตอบว่า ไม่ได้เป็น ถ้าเป็นตายไปขอให้ถูกสุนัขดำหูด้วนกัดฉันเลย

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E47.jpg

           ฝ่ายเพื่อนๆ อีก ๔๙๙ คน ก็ไปถามภรรยาของตนว่าได้ข่าวว่า เป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ฝ่ายภรรยาทั้งหลายก็รักเพื่อนที่พลาดพลั้งไป จึงช่วยกันปกปิด แล้วสาบานว่า ถ้าตัวโกหกขอให้เกิดไปเป็นทาสของหญิงคนนั้น ในที่สุด หญิงพลาดพลั้งคนนั้นก็ตาย เพราะบุญก็ทำกรรมก็สร้าง จึงไปเกิดเป็นเวมานิกเปรต อยู่ที่ริมฝั่งสระแห่งหนึ่งในป่าหิมวันต์ มีวิมานและบริวาร ซึ่งก็คือเหล่าเพื่อนๆ ๔๙๙ คน ที่ทยอยตายแล้วมาเป็นบริวาร มาเป็นทาสตามคำสาบาน แล้วเสวยทิพยสมบัติในเวลากลางวัน คือ กลางวันเป็นเทวดา กลางคืนไปเป็นเปรต

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E48.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E49.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E50.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E51.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E051.jpg

 

เปรตสัตว์เดรัจฉาน...

เปรตเสือ   มีรูปร่างเป็นเสือถูกไฟกำลังเผา

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E52.jpg


เปรตไก่ย่าง   มีรูปร่างเป็นไก่ตัวใหญ่มีไฟลุกท่วมตัว

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E53.jpg

 

เปรตวัว   รูปร่างเป็นวัว ถูกไฟลุกท่วมทั้งตัว

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E54.jpg 

 

เปรตสุนัข   มีรูปร่างเป็นสุนัขตัวใหญ่ ถูกไฟเผาลนร้อนรนทุรนทุรายมาก

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E55.jpg

            บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะตอนเป็นมนุษย์ มีวิชาอาคมเก่งกล้าในศาสตร์ลึกลับ มีอาคมขลัง แต่ไม่ชอบสมณะ เพราะคิดว่า ตัวเองเก่งที่สุดแล้ว และกลัวว่า สมณะจะมาขอสิ่งของ พอสมณะเดินผ่านมา ก็ออกมาด่าแล้วก็เปรียบเปรยสมณะเหล่านั้นว่า เสมอด้วยสัตว์เดรัจฉานต่างๆ เช่น เป็นไก่ เป็นเสือ ฯลฯ ซึ่งเป็นวจีกรรมส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งคือ ใช้เวทมนต์ อาคมแปลงตัวเป็นสัตว์ต่างๆ มีเสือ เป็นต้น เพื่อหลอกให้พระตกใจ พอทำให้พระตกใจได้ก็ชอบอกชอบใจ หัวเราะคิกคักๆ ที่สามารถไล่พระไปได้ด้วยวิชาอาคม คาถา

 

เปรตกินคูถ

            มีบุพกรรมคือ เคยเกิดเป็นภรรยาของพ่อค้าโกงตาชั่ง หรือบุพกรรมที่เคยมียาจกมาขออาหาร ทั้งๆ ที่ข้าวของนั้นมี แต่ก็โกหกว่า ไม่มี ถ้ามีขอให้เราไปเกิดเป็นเปรตกินคูถเป็นอาหาร

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E56.jpg
 

เปรตไฟแลบออกจากปาก

           ไหม้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ร้อนมากต้องวิ่งไปเรื่อยๆ หยุดไม่ได้ มีบุพกรรมคือ เป็นเศรษฐีมีฐานะดี แต่มีความตระหนี่หวงแหนทรัพย์ เมื่อมียาจกมาขออาหาร ถ้าไม่ให้ก็กลัวชาวบ้านจะนินทา จึงจำเป็นจะต้องให้ แต่เอาของร้อนๆ มาให้ โดยหวังว่า ผู้ที่ได้รับเอาไปแล้ว จะได้รับความทุกข์ทรมาน ภายหลังจะได้ไม่ต้องมาขออีก

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E57.jpg

 

เปรตเนื้อย่างรมควัน

           เปรตตัวนี้ใหญ่มาก มีกายใหญ่เหมือนภูเขา ตอนกลางคืนจะสว่างไสวด้วยไฟที่เผาลนอย่างร้อนแรง ตอนกลางวันจะถูกรมควันอยู่รอบกาย เหมือนเนื้อย่างรมควัน นอนกลับไปกลับมาด้วยความทุกข์ทรมานมากเป็นเวลายาวนาน เป็นแสนปี ล้านปี เป็นกัป มีบุพกรรม คือ ตอนเป็นมนุษย์เป็นมือวางเพลิง ชอบเผาบ้านเผาเมืองชอบเผาวัด กุฏิ วิหาร ให้วอดวายเป็นเถ้าถ่าน เผาแล้วก็มีความสุข

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E58.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E59.jpg

 

เปรตตอไม้

            มีรูปร่างเหมือนตอไม้ สูงชะลูด ถูกไฟเผาจนดำทะมึนเหมือนตอไม้ มีกลิ่นเหม็นเน่า มือเท้าเป็นง่อย มีเขี้ยวยาวออกจากปาก ผมยาวรุงรัง อดอยากทุกข์ทรมานเหลือประมาณ บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ตอนเป็นมนุษย์ เห็นสมณะบิณฑบาตผ่านมา กลัวว่า สมณะจะมาขอ จึงแกล้งทำเป็นโกรธเคือง แล้วก็เลยโกรธจริงๆ เมื่อโกรธเคืองก็มีอกุศลจิต จึงแสดงกิริยาขับไล่ด่าว่าพระให้ได้อับอาย พระจะได้รีบเดินออกจากบ้าน ตัวจะได้ไม่ต้องให้ของแก่พระ

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E60.jpg


เปรตผี

           เป็นเปรตสุภาพสตรี มีฝีขึ้นตามตัว น้ำเหลืองน้ำหนองไหลเหม็นเน่า พอฝีแตก อีกาปากเหล็กก็มารุมดูดกิน เจ็บปวดทรมานแสนสาหัส มีบุพกรรมคือ ตอนเป็นมนุษย์มีอาชีพเป็นคนทรงเจ้าเข้าผี ผู้ที่มีความเลื่อมใสก็คล้อยตาม เรียกวิญญาณมาพูดคุย แต่ไม่ได้เข้าจริง แล้วหลอกลวงว่า เข้าจริง เพื่อจะเอาทรัพย์ ผู้ที่มีความเลื่อมใสก็คล้อยตาม ใจจะหมกมุ่น และมัวหมอง เมื่อใกล้ตาย ตายแล้วไปเป็นเปรตหัวหมู เปรตหัวไก่ เปรตเนื้อทราย ฯลฯ

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E61.jpg

 

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E62.jpg

 

มหิทธิกเปรต

             เป็นเปรตมีฤทธิ์รูปงาม ดุจเทพยดา มีรัศมีสว่าง กำลังก้มหน้ากินคูถ หรือ ของสกปรก น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ เป็นต้น ด้วยความหิวโหย มหิทธิกเปรตมีทั้งมาจากคฤหัสถ์ และบรรพชิต มีบุพกรรมคือ อดีตตอนเป็นมนุษย์ เคยบวชในพระพุทธศาสนา บวชแล้วศีลก็กะพร่องกะแพร่งบางทีก็รักษา บางทีก็ไม่ได้รักษา มีความเกียจคร้าน ไม่ตั้งใจปฏิบัติธรรม ตามวิสัยแห่งเพศบรรพชิต ชอบคุยโวโอ้อวด และใครเขามาปฏิบัติธรรมก็ห้ามเขาด้วย นอกจากไม่นั่งสมาธิ เจริญภาวนาเองแล้ว ยังชวนคนที่นั่งให้เลิกนั่ง เพราะความตระหนี่หวงแหนทรัพย์ หวงแหนที่เอาไว้อยู่คนเดียว เปรตบางตัวก็มาจากฆราวาส เพราะตอนเป็นมนุษย์ ก็เข้าวัดตั้งใจรักษาศีล แต่ว่าในใจเป็นคนตระหนี่ ชอบหวงแหนที่ที่ไม่ใช่ของตัว ที่สาธารณะ ศาลาสาธารณะ และทางสาธารณะ ใครจะมาใช้ไม่ได้ ตายไปจึงไปเป็นมหิทธิกเปรต

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E63.jpg

 

เปรตกินคูถส่งต่อ

           เปรตสองตัว ตัวหนึ่งยืนอยู่บนหลุมคูถ อีกตัวจมอยู่ในหลุมคูถ ตัวข้างบนยืนอ้าปากคอยรองรับคูถที่คนมาปลดทุกข์ แต่มนุษย์มองไม่เห็น ตัวข้างล่างก็รับคูถจากตัวข้างบนอีกต่อหนึ่ง มีบุพกรรมคือ อดีตเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ทราบข่าวว่า พระลูกวัดไปบ้านโยมที่อุปัฏฐากตน จึงมีจิตริษยาไม่อยากให้ไป เพราะกลัวจะไปแย่งลาภสักการะ จึงได้ดุด่าว่ากล่าวพระลูกวัด แสดงกริยากระด้างด้วยจิตที่ริษยา ไม่เพียงเท่านั้น ยังไปบ้านโยมอุปัฏฐาก ที่พระลูกวัดไป แล้วใส่ความพระลูกวัดว่า มีพฤติกรรมแปลก ทำให้โยมอุปัฏฐากเห็นดีเห็นงามด้วย เมื่อตายไปแล้ว โยมอุปัฏฐากก็ไปเป็นเปรตตัวที่อยู่ข้างบนคอยรับคูถจากชาวบ้าน ส่วนเปรตตัวล่าง คือ เจ้าอาวาสรูปนั้น ที่รอรับคูถต่อจากตัวบน เพราะตระหนี่ตระกูล และมีจิตริษยา ใจกระด้าง

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E64.jpg

 

เปรตอัณฑะโต

            มีอีกาบินมาจิก บุพกรรมคือ เป็นผู้ปกครองแคว้น มีอำนาจมากในการตัดสินคดีความมักจะตัดสินคนถูกให้เป็นผิด คนผิดให้เป็นถูก เพราะกินสินบาทคาดสินบน

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E65.jpg

 

เปรตจักรผัน

           จักรผันผ่าหัว เป็นคนละตัวกับตัวที่กล่าวมาแล้ว โดนผ่าหัวหมุนตลอดเวลา ทุกข์ทรมานมาก บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ด่าพระ ทุบตีพระไม่อยากให้พระมาขอสิ่งของ หรือด่าพ่อแม่มาขอเงินทองจะเอาไปเล่นการพนัน ซื้อยาเสพติดบ้าง เมื่อพ่อแม่ไม่ให้ก็ด่าทอทุบตี

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E66.jpg

 

เปรตปากเท่ารูเข็ม

            มีรูปร่างตัวผอมคอยาว ท้องโตหนักมากต้องอุ้มท้อง มีปากเท่ารูเข็ม เวลาพูดเสียงออกมายาก ได้แต่ร้องหวีด ๆ มีบุพกรรมคือ ตอนเป็นมนุษย์ เห็นพระผ่านหน้าบ้าน นอกจากไม่ยอมทำทานแล้วยังห้ามคนอื่นทำด้วย เพราะความตระหนี่จึงไม่มีอาหารกิน และปากเท่ารูเข็ม

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E67.jpg


เปรตแผ่นศิลา

           ตัวเปรตเป็นแผ่นศิลา มีเท้ายื่นมาจากแผ่นศิลา ลูกนัยน์ตาไม่มี ยืนอยู่กับที่ไม่รู้จะไปไหน มีบุพกรรมคือ ในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดเป็นชาวเมือง เวลาพระสงฆ์บิณฑบาตได้ของขบฉันมาเขาก็เอาไปซ่อน ไม่ให้พระฉันเพื่อจะได้กินเสียเอง

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E68.jpg

 

เปรตเสาศิลา

           ครึ่งตัวจมลงพื้นแล้วโผล่ขึ้นมาครึ่งตัว ยืนอยู่กับที่ตรงนั้นไม่ต้องไปไหนเป็นพุทธันดร มีไฟเผาลนอยู่ตลอดเวลา บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้ เพราะ สมัยเป็นมนุษย์บุกรุกที่วัด ย้ายเสาหลักเขตเพื่อขโมยแผ่นดินของวัด คือ มีที่นาติดกับวัด เขาถอนเสาหลักเขตวัดขยับกินที่วัดเข้าไป เพื่อตัวเองจะได้มีที่ดินปลูกข้าวทำมาหากินเพิ่มขึ้น

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E69.jpg


เปรตกินน้ำลายน้ำมูกเสมหะ

            เปรตตัวนี้จะเดินตามจ้อง พอใครบ้วนน้ำลายก็รีบเข้าไปกินโดยไม่ให้ผู้บ้วนเห็น มีบุพกรรมคือ ตอนเป็นมนุษย์เข้าไปใน วัดวาอาราม เกิดคันคอ มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร ก็บ้วนน้ำลาย ฯลฯ ลงไป

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E70.jpg

 

เปรตห่มผ้าเหล็กร้อน

           เปรตห่มผ้าเหล็กแดงร้อนลุกเป็นไฟ ไม่หมก็ไม่ได้ จะถอดทิ้งก็ไม่ได้ ถอดไปก็มีผืนใหม่ขึ้นมา ร้อนกว่าเดิมหนักเข้าไปอีก บุพกรรมคือ ตอนเป็นมนุษย์ ธงที่เขาผูกไว้บูชาพระเจดีย์ปลิวมา นึกว่าลาภลอย เก็บเอามาแขวนคอ ยิ้มสบายอกสบายใจแทนที่จะเอาไปผูกคืนไว้ที่พระเจดีย์เหมือนเดิม กลับเอามาใช้

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E71.jpg


เปรตขนเข็ม

           ขนเป็นเข็มเกิดขึ้นในเนื้อของเปรตที่ตัวลูกเป็นไฟ ขนนั้นทะลุผิวหนังแล้วลอยไปในอากาศ ตกลงมาทิ่มแทงตัวเปรตเหมือนกำลังเย็บผ้า ทั้งแหลมและร้อน ทุกข์ทรมานมาก มีบุพกรรมคือ พูดให้เขาเจ็บใจ เจ็บเหมือนเข็มทิ่ม และพูดส่อเสียดให้เขาทะเลาะกัน

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E72.jpg

 

เปรตผิวทองปากเน่า

           ตัวเป็นเปรต แต่มีผิวเป็นทองคำปากเน่ามีหนอนเต็มปาก มีบุพกรรมคือ ในอดีตเคยบวชเป็นพระ มีความมักใหญ่ใฝ่สูงอยากจะเป็นเจ้าอาวาส จึงยุให้พระเถระ ๒ รูปที่อยู่ในวัดทะเลาะกัน ตนจะได้ครองวัด

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E73.jpg


เปรตกลางทะเลทราย

           เปรตตัวนี้จะแลบลิ้นหอบ ทั้งหิวกระหายและร้อนตลอดเวลา อดอยากลำบากมาก ต้องไปอยู่ในถิ่นทุรกันดาร มีบุพกรรมคือ เคยเป็นเศรษฐี มีทรัพย์มาก แต่ไม่เชื่อเรื่องบุญบาป เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีศรัทธาในพระรัตนตรัย เวลาพระมาบิณฑบาตในบ้านของตนก็ห้ามไม่ให้เข้ามา ทั้งด่าว่าและไล่พระไปอีก

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E74.jpg

 

เปรตทูนหยากเยื่อ

            เปรตตัวนี้แบกขยะเหม็นคลุ้ง มีบุพกรรมคือ เป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง มีความตระหนี่ในเสนาสนะ พระอาคันตุกะผ่านมาขอพักสักคืนหนึ่ง หรือสองคืนก็ไม่ให้พัก

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E75.jpg


เปรตสวมมงกุฎ

           ตัวเป็นเปรต บนหัวมีพวงมาลัยเป็นดอกคูณสีเหลือง มีความหิวกระหายทุกข์ทรมาน มีบุพกรรมคือ เป็นนายพรานชอบใช้ธนูยิงสัตว์ ล่าสัตว์เป็นประจำ เพื่อเอาเนื้อมาย่างขาย เอาชีวิตของผู้อื่นมาเลี้ยงชีวิตตน วันหนึ่งได้ไปเจอตอกคูณ จึงเอามาร้อยเป็นพวงมาลัย ถือไปเรื่อยๆ ระหว่างทางพบเด็กน่ารัก ๒ คน เห็นแล้วเกิดความเอ็นดู จึงให้พวงมาลัยดอกคูณแก่เด็กนั้น

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E76.jpg

 

อหิเปรต

            คือ เปรตที่มีลักษณะเหมือนงู หน้าเป็นเปรตตัวเป็นงู ไฟจะไหม้จากหางมาหัว และจากหัวไปหาง จากตรงกลางไปทั้งหัวและหาง บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ตอนมีชีวิตอยู่ได้เผาพระคันธกุฎีของพระปัจเจกพุทธเจ้า

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E77.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E78.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E79.jpg

 

อสุรกาย

           อสุรกาย คือ ภูมิของสัตว์ ที่อยู่โดยปราศจากความร่าเริง สนุกสนาน ต้องเสวยทุกขเวทนา มีร่างกายน่าเกลียดน่ากลัว พิกลพิการเหมือนเป็นที่ชุมนุมของสัตว์ประหลาด และมีความเป็นอยู่ที่ลำบากกว่าเปรตมาก จึงมีความละอายไม่กล้าปรากฏกายให้ใครเห็น อสุรกายมีที่อยู่ในช่องเขาตรีกูฏ อสุรกายบางประเภทมีลักษณะคล้ายเทวดา บางประเภทคล้ายเปรต และบางประเภทที่มีกรรมหนักจะอยู่ในโลกันตรนรก

อสุรกายตัวเป็นไก่หน้าเป็นหมู

           มีกายพิกลพิการ ตัวเหมือนไก่หน้าเหมือนหมู บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ ทำปาณาติบาต ฆ่าหมู ฆ่าไก่

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E80.jpg

 

อสุรกายสายพันธุ์เปรต

           มีลักษณะ คือ ส่วนบนจะมีลูกนัยน์ตาโปนเหมือนตาของปู ปากจะเล็กเท่ากับรูเข็มตั้งอยู่บนกลางกระหม่อม ข้างหน้าไม่มีปาก บุพกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้เพราะ เป็นคนตระหนี่ เวลาใครชวนทำบุญก็ถลึงตาใส่เพื่อเขาจะได้หนีไป หรือเพ่งเล็งทรัพย์สมบัติของคนอื่นด้วยความโลภก็ดี ดวงตาจึงเหมือนตาปู หิวกระหายอยู่ตลอดเวลา ได้รับความทุกข์ทรมานมาก

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E81.jpg650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E82.jpg

 

อสูรเทวดา

           หน้าตารูปร่างเหมือนเทวดา ผิวคล้ำเหมือนท้าวเวปจิตติ (หัวหน้าอสูร) ที่เคยอยู่ในภพดาวดึงส์

650207_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E83.jpg

 

              ทั้งเปรตและอสุรกายที่นำมาให้ดูนี้ เป็นเพียงตัวอย่างพอสังเขป จริงๆ แล้ว ยังมีมากกว่านี้อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับบุพกรรมที่ทำกรรมชั่วซึ่งมีมากมายหลากหลายกรณี

 

จากหนังสือ มนต์เสน่ห์เเห่งสวรรค์ ทัณฑ์ทรมานเเห่งนรก

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.019170963764191 Mins