คำตอบของครูทั้ง 6

วันที่ 05 พย. พ.ศ.2558

คำตอบของครูทั้ง 6


          พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสถามพระเจ้าอชาตศัตรูว่า ได้เคยถามปัญหาข้อนี้กับสมณพราหมณ์พวกอื่นหรือไม่ และได้รับคำตอบอย่างไร ถ้าพระเจ้าอชาตศัตรูไม่รู้สึกหนักพระทัยก็ขอให้ตรัสตอบด้วยพระเจ้าอชาตศัตรูจึงกราบทูลถึงการเสด็จไปถามปัญหานี้กับครูทั้ง 6 อย่างเปิดเผยว่าครั้งที่หนึ่ง พระองค์เคยเสด็จไปถามปัญหานี้กับครูปูรณกัสสปถึงที่อยู่ และทรงได้รับคำตอบที่ไม่ตรงคำถาม ซึ่งมีใจความสรุปได้ว่า "บุญไม่มี บาปไม่มี"คำกล่าวเช่นนี้ย่อมหมายความว่า ไม่ว่าคนเราจะก่อกรรมทำเข็ญเลวร้ายสักปานใด นับตั้งแต่การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตทั้งหลาย การลักทรัพย์ การคบชู้ หรือการโป้ปดมดเท็จใดๆ ย่อมไม่มีบาป และในทางตรงกันข้าม ไม่ว่าคนเราจะสร้างบุญกุศลใดๆ เป็นต้นว่า การทำทานทั้งปวง การรักษาศีลโดยบริบูรณ์บริสุทธิ์การฝึกตนให้รู้จักสำรวมอินทรีย์อย่างดีเลิศก็ตาม ย่อมไม่ได้บุญ


            คำตอบเช่นนี้ ย่อมไม่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าอชาตศัตรู เพราะพระองค์ย่อมทรงมีพระปรีชารู้เท่าทันว่า ครูปูรณกัสสปพยายามประจบสอพลอ จึงทูลตอบแบบเอาพระทัยเช่นนั้น เพื่อทำให้พระองค์ทรงเข้าพระทัยว่า การปลงพระชนม์ชีพพระราชบิดาของพระองค์ที่ผ่านมาแล้วนั้น ไม่มีบาป แต่พระเจ้าอชาตศัตรูทรงประจักษ์แจ้งในพระทัยดีว่า ได้ก่อกรรมทำบาปอย่างใหญ่หลวงไว้ เพราะกำลังทนทุกข์ทรมานจนไม่สามารถจะบรรทมหลับได้เลย ทั้งๆ ที่ไม่ทรงพอพระทัยคำตอบนั้น แต่ด้วยทรงเป็นกษัตริย์ต้องมีหน้าที่ให้การปกป้องคุ้มครองโดยธรรมต่อนักบวชในพระราชอาณาจักร ไม่ทรงปรารถนาจะรุกรานนักบวช พระเจ้าอชาตศัตรูจึงทรงข่มความรู้สึกไว้ไม่ทรงแ ดงว่าไม่พอพระทัยหรือคัดค้านโต้แย้งประการใดๆ แล้วเสด็จลาจากมา

 

              ครั้งที่สอง พระเจ้าอชาตศัตรูเสด็จไปถามเรื่องสามัญญผลนี้กับครูมักขลิโคสาล ก็ได้รับคำตอบไม่ตรงคำถามอีก โดยครูมักขลิโคสาลกล่าวร่ายคำสอนในลัทธิความเชื่อของตนอย่างยืดยาว พอสรุปประเด็นสำคัญได้ว่า "สรรพสัตว์ในโลกล้วนเป็นไปตามชะตาชีวิต เมื่อเวียนว่ายตายเกิดไปนานๆ ก็จะบริสุทธิ์ได้เอง"คำสอนเช่นนี้หมายความว่า ชีวิตล้วนแปรไปตามเคราะห์ดีหรือเคราะห์ร้าย ใครดวงดีก็ได้ดีมีสุขใครดวงไม่ดีก็มีเคราะห์ไปตามเรื่อง ไม่จำเป็นที่คนเราจะต้องขวนขวายทำความดี เพื่อความหลุดพ้น เพราะเมื่อคนเราเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ จับพลัดจับผลูก็พ้นทุกข์ไปเอง พระเจ้าอชาตศัตรูได้ทรงฟังคำตอบเช่นนี้ ก็มิได้ทรงพอพระทัยเลย ได้แต่เสด็จลาจากมาด้วยอาการสงบ

 

            ครั้งที่สาม พระเจ้าอชาตศัตรูได้เสด็จไปยังสำนักของครูอชิตเกสกัมพล ทรงถามปัญหาเดียวกันแต่กลับได้รับคำตอบซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างยิ่งว่า "การทำบุญทำทานไม่มีผล การบูชาไม่มีผล การทำกรรมดีหรือกรรมชั่วไม่มีผล โลกนี้ไม่มี โลกอื่นไม่มี มารดาบิดาไม่มีคุณสัตว์ผู้เกิดผุดขึ้นแบบโอปปาติกะไม่มีสมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบซึ่งกระทำโลกนี้และโลกอื่นให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม ไม่มีในโลก คนเราตายแล้วสูญหมด คงเหลือแต่กระดูกและเถ้าเป็นที่สุด ไม่มีการเกิดขึ้นซ้ำอีก มีแต่คนเขลาขี้ปดมดเท็จเท่านั้นที่บัญญัติว่า การทำทานมีผล"คำตอบของครูอชิตเกสกัมพลนี้ เท่ากับตอบเป็นนัยต่อพระเจ้าอชาตศัตรูว่า การทำปิตุฆาตไม่มีความผิด เพราะบิดามารดาไม่มีคุณ กรรมดีกรรมชั่วไม่มีผล เช่นนี้ย่อมเป็นการประจบสอพลอ เพื่อให้เจ้าเหนือหัวสบายใจ เมื่อได้รับคำตอบที่ไม่ตรงกับคำถามเช่นนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูก็เสด็จลาจากมาโดยอาการสงบ เช่นเดียวกับการเสด็จไปถามปัญหาครูทั้งสองดังกล่าวแล้ว

 

           ครั้งที่สี่ พระเจ้าอชาตศัตรูได้เสด็จไปยังสำนักของครูปกุทธกัจจายนะ ทรงถามปัญหาเดียวกัน แต่กลับได้รับคำตอบเรื่อง ภาวะ 7 กอง อันเป็นความเชื่อในลัทธิของครูท่านนั้น มีประเด็นสำคัญสรุปได้ว่า "ชีวิตเรานี้ประกอบด้วย ภาวะ 7 กอง คือ กองดิน กองน้ำ กองไฟ กองลมสุข ทุกข์ และชีวะ (การมีชีวิต)ดังนั้น เมื่อใครปลงชีวิตใคร ก็เป็นเพียงแต่ อดศาสตราเข้าไปตามช่องแห่ง ภาวะ 7 กอง เท่านั้น"คำตอบของครูปกุทธกัจจายนะย่อมชี้ชัดว่า ปรารถนาจะกราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรูให้ทรงสบายพระทัยว่า การปลงพระชนม์ชีพพระเจ้าพิมพิสารนั้นมิได้เป็นบาปเลย เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้นแล้วพระองค์ก็เสด็จลาจากมาโดยปราศจากความเลื่อมใสศรัทธา

 

            ครั้งที่ห้า พระเจ้าอชาตศัตรูได้เสด็จไปยังสำนักของครูนิครนถนาฏบุตร ทรงถามปัญหาเดียวกันแต่กลับได้รับคำตอบเรื่องสังวร 4 อันเป็นความเชื่อในลัทธิของครูท่านนั้น มีประเด็นสำคัญสรุปได้ว่า "คนเราบริสุทธิ์ได้ด้วยน้ำ กล่าวคือ นักบวชนิครนถ์เป็นผู้สำรวมระวังในสังวร 4 ประการ คือ เป็นผู้ห้ามน้ำทั้งปวง เป็นผู้ประกอบด้วยน้ำทั้งปวง เป็นผู้กำจัดน้ำทั้งปวง และเป็นผู้ประพรมด้วยน้ำทั้งปวงการสำรวมระวังในสังวร 4 ประการนี้สามารถทำให้สิ้นกิเลสสิ้นทุกข์ได้" ถึงแม้จะไม่พอพระทัยในคำตอบของครูนิครนถนาฏบุตร พระเจ้าอชาตศัตรูก็เสด็จลาจากมาโดยสงบ

 

               ครั้งที่หก พระเจ้าอชาตศัตรูได้เสด็จไปยังสำนักของครูสัญชัยเวลัฏฐบุตร เพื่อถามปัญหาเดียวกันครูสัญชัยเวลัฏฐบุตรจนปัญญามิรู้ที่จะตอบประการใด จึงกราบทูลความเชื่อในลัทธิของตน แบบเล่นสำนวนวกวนไปมาน่าปวดเศียรเวียนเกล้า จนทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูมีดำริในพระทัยว่า ในบรรดาครูทั้ง 6 นั้นครูสัญชัยเวลัฏฐบุตรโง่เขลาเบาปัญญาที่สุด ครั้นแล้วจึงเสด็จลาจากมาโดยเร็วการที่พระเจ้าอชาตศัตรูทรงมีวิริยอุตสาหะ เสด็จไปยังสำนักของครูทั้ง 6 เพื่อทรงถามปัญหาเกี่ยวกับสามัญญผล หรือคุณค่าและประโยชน์ของชีวิตนักบวชว่าเป็นประการใด แต่กลับได้รับคำตอบที่ไม่ตรงคำถามดังนั้น พระองค์จึงทรงอุปมากราบทูลพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันถามถึงสามัญญผลที่เห็นประจักษ์ แต่สมณพราหมณ์ทั้งหลาย
กลับตอบเป็นเรื่องอื่น เสมือนหนึ่งถามเรื่องมะม่วง แต่ไพล่ไปตอบเรื่องขนุนสำปะลอ หรือเมื่อถามเรื่องขนุนสำปะลอ แต่ไพล่ไปตอบเรื่องมะม่วง"คำตอบเรื่องสามัญญผลที่ครูทั้ง 6 แสดงแก่พระเจ้าอชาตศัตรูนั้น แท้จริงแล้วก็คือ ครูทั้ง 6 ต่างก็ไม่รู้คุณวิเศษของการบวช ทั้งไม่รู้จุดประสงค์ของการบวช จึงพากันอธิบายถึงความเชื่อหรือทิฏฐิของตนโดยหวังจะทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูทรงโปรด แล้วมาเป็นผู้สนับสนุนลัทธิของตน

-----------------------------------------------

SB 304 ชีวิตสมณะ

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.011873797575633 Mins