พระคุณไม่มีวันตาย

วันที่ 22 มค. พ.ศ.2559

พระคุณไม่มีวันตาย

            สาเหตุที่ตรัสชาดก ครั้งหนึ่ง พระอานนท์ได้ผ้าสาฎกมามากแล้วถวายทั้งหมดแก่ภิกษุหนุ่มผู้มีอุปการะแก่ตนมาก ภิกษุรูปนั้นได้แบ่งผ้าทั้งหมดถวายแก่เพื่อนภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌาย์ เมื่อภิกษุเข้าไปเฝ้าพระทศพลทูลถามว่า พระอริยสาวกชั้นโสดาบันยังมีการให้เพราะเห็นแก่หน้าอยู่หรือ พระโลกนาถตรัสว่า อานนท์มิได้ให้เพราะเห็นแก่หน้า แต่ว่าภิกษุหนุ่มรูปนั้นมีอุปการะแก่เธอมาก ชื่อว่าผู้มีอุปการะเราควรทำอุปการะตอบด้วยความกตัญูกตเวที บัณฑิตแต่ปางก่อนก็ยังทำอุปการะตอบแก่ผู้มีอุปการะแก่ตนเหมือนกัน เมื่อภิกษุทูลอาราธนา จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสดังนี้..

 

             ในอดีต มีราชสีห์ตัวหนึ่งยืนอยู่บนยอดเขามองดูเนื้อแล้วกระโดดลงจากยอดเขาสุดแรงไม่สามารถยั้งความเร็วได้จึงตกจมลงในเปอกตมแห้งขึ้นไม่ได้ ยืนปักเท้าทั้ง 4 เหมือนเสา อดอาหารอยู่ถึง 7 วัน ขณะนั้นเองมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเที่ยวเสาะหาอาหารอยู่ เที่ยวเดินมาโดยไม่ได้ดูตาเสือตาสิงห์ พลันพบราชสีห์จริงๆ ก็ตกใจกลัวสุดขีด ขาสั่นกำลังจะออกวิ่ง..

    "พ่อมหาจำเริญสุนัขจิ้งจอก! ท่านอย่าหนีเลยนะ ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังลำบากติดหล่มอยู่ ได้โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด" ราชสีห์ขอร้องด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ ทำให้สุนัขจิ้งจอกต้องชะงักเท้าค้างไว้ เหลียวกลับมาดู เห็นราชสีห์ขอร้องด้วยจริงใจไม่มีเลศนัยแอบแฝง จึงเห็นใจค่อยๆ เดินเข้าไปหาราชสีห์แล้วกล่าวว่า..
"ข้าพเจ้าช่วยยกท่านขึ้นมาได้ แต่เมื่อยกท่านขึ้นแล้วเกรงท่านจะกินข้าพเจ้าเสียน่ะซิ!"

 

                  หากสุนัขจิ้งจอกรู้ว่าราชสีห์อดอาหารมากี่วันแล้ว บางทีคงต้องชั่งใจมากกว่านี้ ในโลกจะมีกี่คนที่อดอาหารมาหลายวันเพียงนี้ เมื่อเห็นเหยื่ออันโอชะอยู่ตรงหน้าจนหน้ามืดตาลายแล้วยังสามารถอดใจไว้ได้อีก ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์ฝังแนบแน่นติดในกมลเสียแล้วไหนเลยจะทนทานได้ราชสีห์กล่าวยืนยันกับสุนัขจิ้งจอกว่า..
"ท่านอย่าได้กลัวไปเลย ข้าพเจ้าจะไม่กินท่านแน่! แต่ข้าพเจ้าจะสนองคุณท่าน ท่านจงหาทางช่วยข้าพเจ้าขึ้นไปทีเถิด"

 

           สุนัขจิ้งจอกไว้ใจ และมั่นใจว่าดูน้ำใจราชสีห์ไม่ผิด นับว่าเดิมพันน้ำใจกันด้วยชีวิตสถานการณ์เช่นนี้ การมอบน้ำใจของสุนัขจิ้งจอกกลับมีค่าอย่างมหาศาล เพราะหากสุนัขจิ้งจอกมอบน้ำใจให้ผิดตัว นั่นหมายถึงชีวิตของตนต้องสูญสิ้นทันที ฉะนั้นการช่วยครั้งนี้นับว่าสุนัขจิ้งจอกได้มอบชีวิตให้ราชสีห์ไปแล้ว ประการนี้มิตรสหายในโลกมีมากน้อยเท่าใดที่จะเข้าใจได้..

 

          สุนัขจิ้งจอกเริ่มออกแรงสุดตัว ตะกุยเลนรอบๆ เท้าทั้งสี่ของพญาไกสรราชสีห์ เมื่อขุดเป็นลำรางข้างเท้าทั้งสี่ให้น้ำไหลเข้าไปได้แล้ว ก็เอาลอดใต้ท้องราชสีห์ ใช้ศีรษะดุนท้อง ร้องบอกราชสีห์ให้ช่วยออกแรงกระโดดด้วย ราชสีห์ออกกำลังสุดแรงกระโดดขึ้นจากหล่มไปยืนอยู่บนบกได้สำเร็จ!

 

          ราชสีห์พักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงลงสระอาบน้ำชำระโคลน เมื่อหายเหนื่อยแล้วก็อดกลั้นความหิว ออกวิ่งฆ่าควายได้ตัวหนึ่ง เอาเขี้ยวฉีกเนื้อชั้นดีวางไว้หน้าสุนัขจิ้งจอก แม้ตนจะหิวเพียงไหนก็ให้ผู้มีพระคุณได้กินก่อน เมื่อสุนัขจิ้งจอกกินแล้ว ตนจึงกินต่อในภายหลัง จากนั้นสุนัขจิ้งจอกคาบเนื้อชิ้นหนึ่งไว้ ด้วยตั้งใจจะเอาไปให้นางจิ้งจอกผู้เป็นภรรยา ราชสีห์ทราบดังนั้นจึงขอไปพบครอบครัวของสหาย เมื่อไปเห็นครอบครัวของสุนัขจิ้งจอก ราชสีห์ได้พูดกับสหายว่า..
"ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เราจะดูแลปรนนิบัติท่านเองเพื่อเป็นการตอบแทนที่ท่านให้ชีวิตเรา"

 

           แล้วราชสีห์ก็ชวนครอบครัวของสุนัขจิ้งจอกให้มาพักอยู่ในถ้ำอันอบอุ่นข้างๆ ถ้ำของตน เพื่อสะดวกในการคุ้มครอง ปกป้องภัยพาลให้แก่ครอบครัวของสุนัขจิ้งจอก ทุกๆ วันราชสีห์กับสุนัขจิ้งจอกก็ออกไปหาอาหารด้วยกันเสมอมา เมื่อกาลเวลาผันผ่าน นางราชสีห์เกิดเฉลียวใจระแวงว่า ราชสีห์สามีอาจชอบพอกันกับนางสุนัขจิ้งจอกสาวเสียกระมัง ดังนั้นเมื่อสองสหายไม่อยู่ นางสิงห์จึงทิ้งความไว้วางใจแล้วเริ่มยุทธการคุกคามโดยเข้าไปขู่นางจิ้งจอกว่า..
"เจ้าทำไมมาอยู่ที่นี่ ทำไมไม่ไปอยู่ที่อื่นเสียที!"

 

          ลูกๆ ราชสีห์เห็นแม่ทำเป็นตัวอย่างก็ทำแบบนั้นบ้าง โดยไปแยกเขี้ยวขู่ใส่ลูกๆ ของนางสุนัขจิ้งจอก พอตกเย็นนางสุนัขจิ้งจอกจึงไปเล่าให้สามีฟังสองสามีภรรยาปรึกษากันว่า..
"ชะรอย นางราชสีห์อาจจะทำตามคำของพญาราชสีห์เสียก็ได้ เราคงอยู่ที่นี่มานานแล้วกระมังเมื่อเป็นแบบนี้ เรากลับไปถิ่นที่อยู่เดิมของเราดีกว่า"


สุนัขจิ้งจอกตัดสินใจเข้าไปหาราชสีห์แล้วกล่าวอำลาว่า..

    "นาย! เราเองก็อยู่ในถ้ำของท่านมานานมากแล้ว ผู้ที่อยู่นานๆ ย่อมไม่เป็นที่พอใจเท่าไรนักตอนที่เราออกไปหาอาหารกัน นางสิงห์ภรรยาท่านเข้ามาขู่ไล่ภรรยาของเรา ผู้เป็นใหญ่ย่อมขับไล่ผู้น้อยได้ตามต้องการอยู่แล้ว นี้เป็นธรรมดาของผู้มีกำลัง นางสิงห์ผู้มีฟันคมของท่านได้คุกคามบุตรภรรยาของเรา ขอท่านโปรดทราบด้วยเถิด ภัยเกิดจากที่พึ่งเสียแล้ว"

 

ราชสีห์ฟังคำของสหายแล้ว ไม่รอช้า รีบเข้าไปหานางสิงห์ทันที แล้วกล่าวว่า..
"น้องเอ๋ย! เมื่อครั้งก่อนโน้น เจ้ายังจำได้ไหมว่าเราไปหาอาหารแล้วหายไป 7 วัน จึงกลับมากับสุนัขจิ้งจอกและภรรยาของเขา เจ้ารู้ถึงสาเหตุที่เราหายไปถึง 7 วันไหม ตอนนั้นเราพลาดติดหล่มยืนอดอาหารอยู่ถึง 7 วัน ที่เรารอดชีวิตมาได้ก็เพราะสุนัขจิ้งจอกท่านนี้แหละสุนัขจิ้งจอกนี้เป็นสหายช่วยชีวิตเราไว้ ผู้สามารถตั้งอยู่ในคุณธรรมแห่งมิตรได้ ไม่ใช่ของเล็กน้อยเลย แต่นี้ไปเจ้าอย่าได้ดูหมิ่นสหายของเราอีกเป็นอันขาด"

 

นางราชสีห์สำนึกผิด เข้าไปขอโทษสุนัขจิ้งจอกและภรรยา และนับแต่นั้นมาทั้งสองตระกูลก็อยู่กลมเกลียวกันไม่ทำลายมิตรภาพต่อกัน สืบเนื่องไปถึงเจ็ดชั่วตระกูล..

 

ประชุมชาดก
              พระทศพลทรงประชุมชาดกว่าสุนัขจิ้งจอกครั้งนั้นมาเป็นอานนท์ ราชสีห์มาเป็นตถาคตแลจากชาดกเรื่องนี้สุนัขจิ้งจอกแม้ชาติต่ำแต่ใจสูง จิ้งจอกไว้ใจมิตรสหาย วางเดิมพันมิตรภาพต่อราชสีห์ด้วยชีวิต หากวางใจผิดตัวนั่นเท่ากับตัวก็ต้องหายไปในท้องราชสีห์ด้วย ทว่าราชสีห์มิใช่มิตรพาลที่หวังปอกลอก เอาแต่ประโยชน์เข้าตัวแล้วทำลายน้ำใจมิตร จึงเห็นคุณค่าของมิตรภาพเช่นนี้ และไม่ยอมปล่อยให้มิตรเช่นนี้ต้องจากไป เพราะมิตรภาพเช่นนี้หาได้ยากในโลก

 

              การประกาศคุณเป็นการตอบแทนคุณประการหนึ่ง หากคิดปิดเม้มไว้ ไม่อยากบอกออกมาเพราะริษยานับว่าเป็นคนเนรคุณ จับแง่คิดไม่เป็น กระทั่งบางคนเป็นมิจฉาทิฏฐิไป เช่นมองผู้ช่วยเหลือตนว่า เขาจะเอาบุญจึงมาช่วยเรา เราเป็นทางผ่านแห่งบุญของเขา ฉะนั้นไม่เป็นพระคุณต่อกันมากนักหรือมองผู้ให้สิ่งของแก่ตนว่า เป็นเพราะบุญของเราบันดาลให้เขาต้องเอาของมาให้ มิได้เป็นคุณที่เขาทำเป็นต้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีเชื้อเนรคุณคนอยู่ในสันดาน จึงบันดาลให้คิดได้เยี่ยงนี้ หากเป็น ผู้กตัญูรู้คุณคนแล้ว ย่อมไม่มีวันคิดวิกลได้เช่นนี้เด็ดขาด แต่จะมุ่งคำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้อื่นต้องสูญเสียมาให้ตน จึงซาบซึ้งในพระคุณนั้น ..หากมีใครสักคนยิ้มให้ บางคนอาจมองว่าเขาอยากได้มิตรภาพจากเราแต่ผู้มักมองคุณคนจะมองว่า เขาหยิบยื่นมิตรภาพให้แก่เรา

 

"นิสัยมักเห็นคุณผู้อื่น, ประกาศคุณผู้มีคุณ และตอบแทนด้วยใจมั่นคง" จึงนับเป็นนิสัย
ในวิถีนักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในสัจจบารมี

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.04762126604716 Mins