การปลูกฝังภาคปฏิบัติจะก่อให้เกิดประสิทธิผลอย่างไร
ถ้าการปลูกฝังภาคปฏิบัติ ดำเนินไปตามหลักธรรมแม่บทและหลักการที่ได้กล่าวมาแล้ว ย่อมจะก่อให้เกิดประสิทธิผล 2 ประการ คือ
1.1) เด็กๆ ที่ได้รับการปลูกฝังภาคปฏิบัติจะมีนิสัยรักความดี หลีกหนีเกลียดชังความชั่ว รักบุญกลัวบาป รู้จักเสียสละ ซึ่งมีทั้งการเสียสละทรัพย์สิ่งของ เช่น การแบ่งปัน การทำทาน การทำสังคมสงเคราะห์รู้จัก ละอารมณ์ เช่น อดทนไม่โกรธง่าย รู้จัก ละเวลามาร่วมทำกิจเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม รู้จัก ละความสะดวกสบาย เช่น เข้าร่วมทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ของหมู่คณะโดยไม่เอาเปรียบผู้อื่น รู้จักเกรงใจผู้อื่นไม่เบียดเบียนผู้อื่น ให้เกียรติยกย่องผู้อื่น ยกย่องบูชาคนดี ไม่อิจฉาริษยาใคร รู้จักคุณค่า และความสำคัญของความสามัคคีในหมู่คณะ พยายามทำตัวเป็นกัลยาณมิตรกับผู้คนรอบข้าง และที่สำคัญก็คือ รักการเจริญสมาธิภาวนา
พฤติกรรมดังกล่าว ถ้ามองเป็นรายบุคคล ในด้านลักษณะ นิสัย ก็ถือได้ว่า เป็นผู้มีนิสัยดี ย่อมเป็นที่รัก เคารพ นับถือ เกรงใจของผู้ที่มา มาคมติดต่อด้วยถ้ามองในด้านธรรมะ ก็ถือได้ว่าเป็นคนดี มีศีลธรรม รักการปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา ไม่ว่าเขาจะรู้หลักธรรมหรือไม่ก็ตามถ้ามองเป็นหมู่คณะบุคคลในชุมชน ก็ถือได้ว่าเป็นชุมชน ที่มีวันธรรมทางจิตใจสูงส่งดีงาม และถ้านำหลักธรรมแม่บทเข้ามาประเมิน ก็มั่นใจได้ว่าบุคคลที่ได้รับการปลูกฝังภาคปฏิบัติมาดีแล้ว จะผ่านเกณฑ์ประเมินทุกข้อ
อนึ่ง มีข้อควรระวังอยู่ว่า กิจกรรมต่างๆสำหรับใช้เป็นบทฝึกนิสัยนั้น จะต้องเป็นกิจกรรมที่
ส่งเสริมให้เกิดคุณสมบัติของคนดีอย่างแท้จริง จะต้องไม่เป็นกิจกรรมที่เหล่ามิจฉาทิฏฐิชอบกระทำกัน เช่น การร่วมวงเล่นการพนัน การร่วมวงดื่มสุรา ยาเสพติด เป็นต้น พึงระลึกเสมอว่า กิจกรรมต่างๆ ที่จะนำมาใช้เป็นบทฝึกนิสัย เพื่อให้เกิดประสิทธิผลอย่างแท้จริงนั้น จะต้องอยู่บนรากฐานของธรรมะแม่บทในการปลูกฝังคุณสมบัติของคนดีที่ได้แ ดงไว้แล้วประการหนึ่ง และในการฝึกอบรมก็จะต้องมีความรู้ในเชิงจิตวิทยาการเรียนรู้อีกประการหนึ่ง
จากหนังสือ DOU
วิชาGB 203 สูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก
กลุ่มวิชาสูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก