การกำเนิดบาปในพระพุทธศาสนา

วันที่ 01 กย. พ.ศ.2558

 

การกำเนิดบาปในพระพุทธศาสนา

            จากการที่นักศึกษาได้เรียนรู้ทรรศนะการล้างบาปในศาสนาต่างๆ ที่ผ่านมา จะเห็นว่าในเรื่องการกำเนิดบาปในแต่ละศาสนามีความเชื่อที่ต่างกัน ศาสนาที่นับถือพระเจ้าอย่างศาสนาคริสต์และศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มักจะเชื่อว่า บาปเกิดจากการที่ผิดคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า เช่น ศาสนาคริสต์เชื่อว่า บาปเกิดจากการที่อาดัมกับอีวาแอบกินแอปเปิ้ลในสวนเอเดน ซึ่งเป็นการผิดคำสั่งพระเจ้า ทำให้มีบาปติดตัวมาถึงลูกหลานและมนุษย์ทั่วโลก โดยนัยนี้ศาสนาคริสต์เชื่อว่า บาปตกทอดทางสายเลือด ดังนั้นมนุษย์ที่เกิดใหม่จะต้องรับศีลล้างบาป หรือคำสอนที่ว่า พระเจ้าทรงไว้ซึ่งสิทธิ์ขาดที่จะยกเลิกบาปให้ใครๆ ได้ โดยการไถ่บาป ขอเพียงอย่างเดียว คือ ให้ผู้นั้นภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

            ส่วนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงรู้แจ้งโลกทั้งปวง มีความรู้ในทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง ทรงเห็นกลไกความเป็นไปของกฎธรรมชาติ เป็นผลทำให้พระองค์ทรงรู้จักธรรมชาติของกิเลส อันเป็น ต้นเหตุแห่งการเกิดบาปทั้งหลายได้อย่างถูกต้องตรงความเป็นจริง และสามารถกำจัดกิเลสเหล่านั้นออกไป โดยสิ้นเชิงและเด็ดขาด พระองค์ทรงสรุปเรื่องการกำเนิดบาปไว้อย่างชัดเจนว่า

“    นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต

บาปย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้ไม่ทำบาป“    4)

“    อตฺตนา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ

ใครทำบาป คนนั้นก็เศร้าหมองเอต”

“    อตฺตนา อกตํ ปาปํ อตฺตนา ว วิสุชฺฌติ

ใครไม่ทำบาป คนนั้นก็บริสุทธิ์”5)

 

            จากพระพุทธวจนะนี้ เป็นเครื่องยืนยันการค้นพบของพระองค์ว่า บาปเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ใช่สิ่งที่ติดต่อกันได้ ใครทำบาปคนนั้นก็ได้รับบาปเอง ใครไม่ทำบาปก็รอดตัวไป หากพ่อทำบาปก็เป็นกรรมของพ่อ จะไม่ตกไปถึงลูก เหมือนพ่อกินข้าวอิ่ม ลูกก็ไม่ได้อิ่มด้วย ดังนั้นสรุปว่า ตามความเห็นของพระพุทธศาสนา บาปเกิดขึ้นที่ตัวผู้ทำเอง คือ เกิดจากกิเลสในใจของผู้ทำ ไม่เกี่ยวกับบุคคลอื่น ถ้าใครทำชั่ว บาปก็จะกัดกร่อนใจผู้นั้น ให้ใจเศร้าหมอง ขุ่นมัว ทำให้เกิดทุกข์ทรมาน ขาดประสิทธิภาพ

 

บาปเกิดได้ 3 ทาง

           ดังที่ทราบแล้วว่า บาปเกิดจากกิเลสภายในใจ คือ โลภะ โทสะ โมหะ บังคับจิตใจมนุษย์ให้กระทำความชั่วทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ เป็นผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่จิต ทำให้จิตอยู่ในสภาวะ เศร้าหมองไม่ผ่องใส หนทางแห่งการทำบาป ทำความชั่ว ทำความไม่ดีนั้น ตามหลักพระพุทธศาสนา เรียกว่า อกุศลกรรมบถ มี 10 ประการ แบ่งออกเป็น 3 ทาง คือ กายกรรม 3 วจีกรรม 4 และมโนกรรม 3 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

1. กายกรรม 3 หมายถึง ความประพฤติไม่ดีที่แสดงออกทางกาย 3 ประการ ได้แก่

(1) ปาณาติบาต ทำสัตว์ให้ตกล่วง คือ ฆ่าสัตว์

(2) อทินนาทาน ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการแห่งขโมย

(3) กาเมสุมิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม

 

2. วจีกรรม 4 หมายถึง ความประพฤติไม่ดีที่แสดงออกทางวาจา 4 ประการ ได้แก่

(4) มุสาวาท พูดเท็จ

(5) ปิสุณาวาจา พูดส่อเสียด

(6) ผรุสวาจา พูดคำหยาบพูดเพ้อเจ้อ

(7) สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ

 

3. มโนกรรม 3 หมายถึง ความประพฤติไม่ดีที่เกิดขึ้นในใจ 3 ประการ ได้แก่

(8) อภิชฌา โลภอยากได้ของเขา

(9) พยาบาท ปองร้ายเขา

(10) มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม

 

            สรุปว่า ทางที่จะทำชั่ว ทำบาปได้ มี 3 ทาง เมื่อนักศึกษาทราบดังนี้แล้ว จะต้องสำรวมระวัง ควบคุมกาย วาจา ใจ ไม่ให้พลาดพลั้งไปกระทำบาปอย่างเด็ดขาด โดยประพฤติตนตามหลักกุศลกรรมบถ 10 คือ ประพฤติตรงข้ามกับอกุศลกรรมบถ 10 หรือประพฤติตามหลักสุจริต คือ กายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต อันเป็นความประพฤติเพื่อความสะอาด ตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังที่กล่าวไว้ใน จุนทสูตร6) ว่า

พระศาสดาประทับอยู่ ณ สวนมะม่วงของนายจุนทกัมมารบุตร นายจุนทกัมมารบุตรได้กล่าวถึง ความสะอาด และวิธีการทำความสะอาดของพราหมณ์ ซึ่งต่างจากความสะอาดของพระอริยะ

พระศาสดาตรัสถึงความไม่สะอาดของพระอริยะ คือ การกระทำทุจริต 3 ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ วิธีการทำความสะอาดของพระอริยะ หมายถึง ทำความสะอาดทางกาย คือไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม

ทำความสะอาดทางวาจา คือการละจากการพูดเท็จ ละจากการพูดส่อเสียด ละจากการพูดคำหยาบ ละจากการพูดเพ้อเจ้อ

ทำความสะอาดทางใจ คือ ไม่อยากได้ของคนอื่น ไม่มีความมุ่งร้ายคนอื่น และมีความเห็นถูก จากพระสูตรนี้ นักศึกษาจะเห็นว่า สิ่งที่ควรจะทำให้สะอาดบริสุทธิ์ มี 3 ทาง คือ กาย วาจา และใจ และทางแห่งการทำความชั่วก็มีอยู่ 3 ทางหลักๆ เช่นกัน

-------------------------------------------------------------------

4) เรื่องนายพรานกุกกุฏมิตร, อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 42 หน้า 40.
5) เรื่องอุบาสกชื่อจุลกาล, ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 42 หน้า 222
6) จุนทสูตร, อังคุตรนิกาย ทสกนิบาต, มก. เล่ม 38 หน้า 427.

GL 203 กฎแห่งกรรม
กลุ่มวิชาเป้าหมายชีวิต

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0014191508293152 Mins