มุสาวาทา เวรมณี(เว้นจากการพูดเท็จ)

วันที่ 03 กย. พ.ศ.2558

มุสาวาทา เวรมณี(เว้นจากการพูดเท็จ)

ปิสุณาย วาจาย เวรมณี (เว้นจากการพูดส่อเสียด)

ผรุสาย วาจาย เวรมณี (เว้นจากการพูดคำหยาบ)

สัมผัปปลาปา เวรมณี (เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ)

            มุสาวาทา เวรมณี คือ การเว้นขาดจากการพูดเท็จ ไม่ว่าจะเป็นผู้กล่าวเท็จทั้งที่รู้ตัว หรือเพราะเหตุแห่งผู้อื่น คือ การเป็นพยาน เป็นต้น หรือเพราะการให้อามิสสินจ้างแม้เพียงเล็กน้อย ก็ไม่ควรกล่าวเท็จทั้งสิ้น

            ปิสุณาย วาจาย เวรมณี คือ การเว้นขาดจากการพูดส่อเสียด โดยฟังความฝ่ายนี้ ไม่ไปบอกฝ่ายโน้น เพื่อทำลายคนฝ่ายนี้ หรือฟังฝ่ายโน้นแล้ว ไม่มาบอกฝ่ายนี้ เพื่อทำลายคนฝ่ายโน้น เป็นผู้สมานคนที่แตกสามัคคีและสนับสนุนคนที่สามัคคีกันอยู่ ชื่นชมยินดีคนที่สามัคคีกัน พูดแต่วาจาที่สร้างความสามัคคี

            ผรุสาย วาจาย เวรมณี คือ การเว้นขาดจากการพูดคำหยาบ เป็นผู้พูดแต่วาจาอันไม่มีโทษ เป็นที่รักและชอบใจของคนทั่วไป

            สัมผัปปลาปา เวรมณี คือ การเว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ เป็นผู้พูดถูกกาลเวลา พูดแต่คำจริง พูดอิงอรรถ พูดอิงวินัย พูดถ้อยคำมีหลักฐาน มีที่อ้าง มีที่สุด ประกอบด้วยประโยชน์ โดยสมควรแก่เวลา17)

ทั้ง 4 หัวข้อนี้มีลักษณะที่เหมือนกัน คือ เป็นกรรมที่เกิดจากวจีกรรมด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ได้มีกรรมในทางกายกรรมและทางมโนกรรมมาเกี่ยวข้องเลย จึงได้จัดทั้ง 4 หัวข้อนี้มาอยู่ในกรณีศึกษาที่จะนำเสนอในเรื่องเดียวกัน

 

กรณีศึกษาในเรื่องของกรรมมุสาวาทา เวรมณี, กรรมปิสุณาย วาจาย เวรมณี                กรรมผรุสาย วาจาย เวรมณี และกรรมสัมผัปปลาปา เวรมณี

กรณีศึกษาที่ 1 (วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2548) หญิงคนหนึ่งเป็นคนชอบการใช้เสียง ได้ดำเนินรอยตามพ่อแม่ที่ชอบเล่นดนตรีและร้องเพลง โดยหญิงผู้นี้ได้เข้าร่วมประกวดร้องเพลงตั้งแต่อยู่ชั้น ป.1 ถึงชั้นมัธยม เรื่อยมาจนถึงมหาวิทยาลัย เมื่อมีการประกวดร้องเพลงครั้งใด ก็ต้องมีเธอร่วมด้วยเกือบทุกครั้ง และได้รางวัลที่ 1 จนมีคนมาทาบทามให้ไปออกเทปเป็นนักร้องอาชีพ แต่เธอก็ไม่ได้ไป

สาเหตุที่หญิงผู้นี้มีเสียงไพเราะ ชอบร้องเพลง อ่านกลอนทำนองเสนาะ และเป็นพิธีกร เพราะกรรมในอดีตชาติชอบสวดมนต์ ชอบพูดธรรมะ และมีปิยวาจา ประกอบกับมีนิสัยติดมาจากอดีตชาติที่ชอบร้องรำทำเพลงเป็นอาชีพ

 

กรณีศึกษาที่ 2 (วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547) ชายคนหนึ่งในวัยเด็กมีความปรารถนาอยากจะเป็นนักบิน แล้วก็สอบติดโรงเรียนนักบิน แต่คุณพ่อไม่ยอมให้ไปเรียน เมื่อโตขึ้นมาก็อยากเป็นบาทหลวง เพราะประทับใจบาทหลวงท่านหนึ่งที่อธิบายพระคัมภีร์ในโบสถ์ด้วยความอดทน และคิดว่าเป็นบาทหลวงแล้วจะได้เรียนหนังสือสูงๆ แต่คุณพ่อก็ไม่ยอมอีก จนในที่สุดเขาได้มาเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถในการร้องเพลงและยังมีสุ้มเลียงที่ไพเราะก้องกังวาน

สาเหตุที่ชายผู้นี้มีความสามารถในการร้องเพลงและมีเสียงที่ไพเราะ เพราะกรรมในอดีตชาติเคยบวชในร่มเงาพระพุทธศาสนา ชอบสวดมนต์ และก็ชอบเทศนาสั่งสอนสาธุชน

-------------------------------------------------------------------

17) จุนทสูตร, อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต, มก. เล่ม 38 หน้า 432-433.

GL 203 กฎแห่งกรรม
กลุ่มวิชาเป้าหมายชีวิต


 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0050008177757263 Mins