อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

พระมหาสิริราชธาตุ รุ่นดูดทรัพย์ สำหรับ ผู้สร้างพระธรรมกายประจำตัวภายในมหาธรรมกายเจดีย์นั้น จะได้รับของที่ระลึกเป็นพระธรรมกายของขวัญ

อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ เรื่องที่ ๓๘๔พาเข้าปาทังก้า ICU

เรื่องที่ ๓๘๔พาเข้าปาทังก้า ICU
ถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็ให้เข้าห้อง I.C.U.ทันทีเพราะมีอาการอยู่ในขั้นอันตราย



 

 
 
ครอบครัวของคุณแม่เครือหวาย ที่สั่งสมแต่คุณงามความดี  
 

คุณแม่เครือหวาย โสภาหัสดร อายุ ๗๔ ปี เป็นชาวหนองคายอยู่ภาคอีสานดินแดนแห่งนักบุญ เพราะดินแดนแห่งนี้ได้บังเกิดมีพระอริยสงฆ์หลายรูปที่ท่านมีศีลาจารวัตรอันงดงามมุ่งประพฤติปฏิบัติธรรมตามรอยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั่วแดนอีสานจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการประพฤติปฏิบัติธรรม คุณแม่เครือหวายและลูกๆ ทุกคน จึงมีชีวิตอย่างผาสุก พบแต่ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตเพราะผู้นำครอบครัวได้นำหลักธรรมพระพุทธศาสนา มาคอยสอนลูกหลานให้นำธรรมะมาเป็นแสงแก้ว ส่องสว่างในการดำเนินชีวิต ตลอดชีวิตของแม่เครือหวายจึงสั่งสมแต่คุณงามความดี

ในปีพ.ศ.๒๕๓๘ ลูกสาวคือคุณอรพิน ได้ชวนให้เดินทางมาประพฤติปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรกได้รู้วิธีฝึกสมาธิทำใจหยุดใจนิ่งตรึกระลึกนึกถึงคุณความดีที่ได้กระทำมา และเป็นสะพานให้ใจได้เข้าไปพบกับความสงบภายในกาย และมีบุญเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว คุณแม่เครือหวายได้ร่วมสร้างพระ สร้างเจดีย์ และได้รับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุที่ทางวัดมอบให้ แล้วจึงหมั่นสวดสรรเสริญเพื่อตรึกระลึกนึกถึงบุญที่ได้สร้างพระธรรมกายประจำตัวประดิษฐาน ณ มหาธรรมกายเจดีย์อยู่เสมอๆ ทำให้มีสายธารแห่งบุญคอยหล่อเลี้ยงให้รอดพ้นจากความตายและรักษาทรัพย์ได้เป็นอัศจรรย์
 

 
น้องแบงค์ (คนโต) รอดตายได้ด้วยบุญที่คุณเครือหวายทำสมาธิช่วย  
 

เมื่อประมาณช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๒ คุณแม่เครือหวายได้เกิดไม่สบายป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่มีอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวนานร่วมสัปดาห์ การดูแลรักษาทำความสะอาดร่างกายค่อนข้างลำบาก คุณแม่จึงถอดเครื่องประดับสร้อยคอทองคำรูปพรรณ สร้อยข้อมือและแหวน ออกเก็บไว้ชั่วคราว โดยถอดรวมกันไว้อยู่ในถุงห่อเก็บไว้ในห้องนอนของตนเอง พอดีช่วงนั้นได้รับโทรศัพท์จากในจังหวัดหนองคายว่าให้เดินทางไปที่โรงพยาบาลในจังหวัดด่วน เพราะหลานชาย ด.ช.ธนาคาร โสภาหัสดร หรือน้องแบงค์่เป็นหลานย่าที่รักมาก เกิดไม่สบายกระทันหัน เนื่องจากน้องแบงค์กับเพื่อนอีกหลายคนที่โรงเรียนได้ทานตั๊กแตนทอด (ตั๊กแตนปาทังก้าซึ่งทางภาคอีสานนิยมนำมาทอดใส่ซอส) น้องแบงค์กินไปได้แค่ครึ่งเดียวเอง เกิดปวดปัสสาวะจึงไปเข้าห้องน้ำ ขณะอยู่ในห้องน้ำน้องแบงค์เกิดอาการช็อคตัวแข็ง ตาตั้ง ไม่สามารถดึงกางเกงขึ้นมาได้ คุณครูและเพื่อนจึงนำส่งโรงพยาบาลในจังหวัด ถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็ให้เข้าห้อง I.C.U.ทันทีเพราะมีอาการอยู่ในขั้นอันตราย ย่าเมื่อได้ยินข่าวร้าย ก็รีบออกเดินทางไปโรงพยาบาล ซึ่งระยะทางห่างจากอำเภอที่อยู่ถึง ๙๐ กม. ด้วยความรีบร้อนเพราะห่วงหลานจึงลืมเรื่องถอดสร้อยทองไว้ที่บ้านเสียสนิท ขณะออกจากบ้านมีแต่ผู้หญิงที่เพิ่งมาจากฝั่งลาวมาช่วยงานในบ้านอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว และมาอยู่ด้วยยังไม่ถึง ๑๐ วัน

คุณแม่เครือหวายนั่งรถไป ใจก็อยู่ที่หลานชายตลอด เพราะหลานชายเป็นเด็กดี มีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ ทุกครั้งที่คุณป้าอรพินจัดรถพาสาธุชนมาวัด น้องแบงค์จะเป็นผู้นำบุญตัวน้อยนำรถ คอยดูแลพี่ป้าน้าอา พูดแนะนำการปฏิบัติของสาธุชนเมื่อมาถึงวัดพระธรรมกาย ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ คุณย่าผู้รักหลานก็สวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย นึกอาราธนาองค์พระมหาสิริราชธาตุ นึกน้อมท่านไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตลอดเวลา อธิษฐานให้ท่านช่วยรักษาชีวิตหลานชาย พอไปถึงโรงพยาบาล ก็ไม่สามารถเข้าไปดูอาการของหลานได้ เพราะหลานยังอยู่ในห้อง I.C.U. คุณหมอกำลังให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แม่เครือหวายจึงปักหลักนั่งสมาธิ อธิษฐานจิตที่หน้าห้อง I.C.U. ตรึกระลึกถึงบุญที่ทำมาโดยตลอดรวมทั้งบุญของหลานชายด้วย อธิษฐานขอให้หลานรอดพ้นจากอันตราย ระหวางที่หลานยังอยู่ในห้อง I.C.U. คุณแม่เครือหวายนั่งสวดมนต์ทำสมาธิ ๔ วันเต็มๆ โดยนั่งหลับตาทำสมาธิและอธิษฐานจิตอยู่หน้าห้อง ใจประคองนิ่งตลอดเวลา หมอเดินผ่านเข้า-ออก ย่าก็ไม่ได้ไปถามให้กวนใจ มุ่งทำจิตให้สงบสว่างภายในเอาบุญช่วยหลานชายอย่างเดียว แม้ใครจะบอกให้ไปรอที่บ้านย่าก็ไม่ยอม บอกว่าจะอยู่ดูอาการหลานที่นี่ จนคุณหมอออกจากห้องมาบอกว่าน้องแบงค์ พ้นขีดอันตรายแล้ว แม่เครือหวายก็โล่งอก

 
 
คุณแม่เครือหวาย โสภาหัสดร
 
 
  คุณอรพินผู้เป็นกัลยาณมิตรให้กับคุณแม่

คุณหมอเล่าให้ฟังว่า ระหว่าง ๔ วัน ๔ คืน ที่ผ่านมานั้น คนไข้หัวใจหยุดเต้นไปแล้วถึง ๓ ครั้ง คุณหมอช่วยชีวิตด้วยการใช้ไฟฟ้ากระตุ้น ซึ่งพอครั้งที่ ๓ คุณหมอใช้ไฟฟ้ากระตุ้นเท่าไรก็ไม่ยอมฟื้น แต่จู่ๆ ภาพหน้าจอที่แสดงการเต้นของหัวใจก็พุ่งขึ้นมาใหม่ พอฟื้นขึ้นมาคำแรกที่น้องแบงค์พูดคือ "คุณย่ามารับหนูแล้ว" ทำให้คุณหมอที่อยู่ช่วยชีวิตขณะนั้นงงไปตามๆ กัน แม่เครือหวายเมื่อหลานปลอดภัยแล้วก็อยู่ดูแลจนคุณหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ รวมอยู่ที่หนองคายร่วม ๘-๙ วันจึงกลับบ้านที่อำเภอปากคาด

ครั้นกลับไปถึงบ้านก็ต้องตกใจอีก เพราะทองรูปพรรณที่แม่เครือหวายถอดเก็บไว้ในห้องได้หายไป ถามผู้หญิงจากฝั่งลาวที่ช่วยดูแลบ้านก็ปฏิเสธเสียงแข็งว่าตนเองมาทำงานนะ ไม่ได้ลักขโมยใคร แสดงพิรุธด้วยการรีบขอกลับไปอยู่ฝั่งลาวดังเดิม ทุกคนในบ้านก็ไม่มีใครท้วงติงไว้ มั่นใจว่าทองที่หายไปต้องได้คืนเพราะในบ้านไม่เคยมีประวัติของหายเลย หลานสาวก็บอกให้ย่านั่งสมาธิอธิษฐานขอองค์พระมหาสิริราชธาตุท่านช่วยอีก คุณย่าก็ทำตาม

พอตกกลางคืน ย่าก็ฝันว่ามีเด็กผู้ชาย มาบอกว่าไม่ได้หายไปไหนหรอก ถูกซ่อนอยู่นอกห้อง รุ่งเช้าเล่าความฝันให้หลานสาวฟัง หลานก็ชวนกันหาแต่หาไม่เจอ ตกเย็นลูกชายคนเล็กกลับจากกรุงเทพฯ ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ขณะที่เดินหิ้วกระเป๋าขึ้นบันไดบ้าน ลูกชายต้องหยุดอยู่ชานบ้าน เพราะรู้สึกว่าเหมือนมีคนมาจูงแขนให้เดินไปที่เสาต้นหนึ่ง พอเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นกระเป๋าห้อยอยู่กับต้นเสา จึงล้วงกระเป๋า และหยิบของที่อยู่ในกระเป๋ามาดูรู้ว่าเป็นทอง มีสร้อย แหวน กำไล เห็นองค์พระที่ห้อยติดกับสร้อยก็รีบวิ่งไปบอกแม่ "ใครเอาสร้อยแม่มาซ่อนไว้ตรงนี้ครับ" แม่เครือหวายและทุกคนในครอบครัว ต่างดีใจและยิ่งเกิดความเชื่อมั่นในบุญกุศลที่ได้สั่งสมมาและคุณของพระรัตนตรัยว่าท่านมีคุณอย่างไม่มีประมาณที่ช่วยดลบันดาลให้คนในบ้านพบสร้อยที่ผู้ขโมยนำมาซ่อนไว้เสียก่อนที่จะนำติดตัวไปตอนหนีกลับบ้าน

 
หลานชายชี้จุดที่เจอทอง
โดยเหมือนมีอะไรมาดลใจ
 
 

รายหลานชายของคุณเครือหวายที่เล่ามานี้ คงจะซื้อตั๊กแตนที่มีสารพิษ ยาฆ่าแมลงติดมาด้วย เมื่อบริโภคหรือเข้าทางบาดแผลร่างกายของคนผู้นั้น จะมีอาการเหมือนเด็กผู้ป่วยรายนี้ พิษของสารเคมีจะทำให้เกิดผิดปกติขึ้นในเม็ดโลหิต ทำให้อวัยวะในร่างกายส่วนต่างๆ ไม่ทำงาน แข็งเกร็ง หากรักษาไม่ทัน จะถึงแก่ความตายในไม่ช้า


คุณเครือหวายไม่มีวิธีใดจะช่วยหลานชาย จึงนึกถึงคุณพระรัตนตรัย มีพระมหาสิริราชธาตุเป็นตัวแทน สวดสรรเสริญ ทำสมาธิ อธิษฐานจิต มีพลังบุญกุศลเกิดขึ้น เด็กจึงเล่าให้ฟังหลังจากฟื้นว่า เห็นย่ามารับ ทั้งที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว


ส่วนเรื่องเครื่องประดับทองคำที่ลืมทิ้งไว้ ถูกลูกจ้างชาวลาวขโมยไปซ่อน เมื่อคุณเครือหวายขอความช่วยเหลือจากพระมหาสิริราชธาตุ เทพยดาผู้ดูแลองค์พระเห็นว่าอยู่ในวิสัยอาจให้ความช่วยเหลือได้ ท่านจึงแสดงเทวานุภาพ จูงมือลูกชาย คนเล็กของคุณเครือหวาย ให้ไปพบที่ซ่อนของมีค่านั้น
เรื่องเทวดาต้องการบุญเพิ่ม มักสมัครเป็นผู้ดูแลปกปักรักษามนุษย์ที่ชอบสร้างบุญกุศลนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องงมงาย ส่วนใหญ่แล้วเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา เทวดาประเภทนี้มีอายุขัยนานมากราว ๙ ล้านปีมนุษย์ บริโภคสมบัติทิพย์ อาหารทิพย์ ไม่ต้องทำมาหากิน อยู่สบายไปวันหนึ่งๆ เสวยผลบุญเทวดาที่ไม่ประมาท ย่อมทราบดีว่าตนเองเสวยสุขเพราะผลบุญที่ทำไว้ครั้งเป็นมนุษย์ จึงรู้ค่าและหมั่นปกปักรักษามนุษย์ที่ชอบสร้างบุญกุศลและมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอยู่เสมอ

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล