วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ พลิกชีวิต ด้วยบุญบวช

เรื่องเด่น

เรื่อง : อัญชลี เรื่องจิต



พลิกชีวิต ด้วยบุญบวช

          มิใช่เรื่องง่าย ที่ใครสักคนหนึ่งจะกล้าตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ปล่อยวางภารกิจการงานอันหนักหนาไว้เบื้องหลัง ละทิ้งความสะดวกสบายในทางโลก แล้วเข้ามาบวชถวายเป็นพุทธบูชาในพระพุทธศาสนา หากไม่มีมโนปณิธานอันสูงส่ง ในการที่จะฝึกกหัดขัดเกลาตนเอง เพื่อกลั่นกาย วาจา และใจให้ใสสะอาดบริสุทธิ์แล้ว คงยากที่คว้าธงชัยพระอรหันต์ไว้ได้

          ดังเช่นตัวอย่างเรื่องราวของพระธรรมทายาทในโครงการอุปสมบทหมู่ ๑๐๐,๐๐๐ รูป หลายรุ่นที่ผ่านมา ที่ก้าวข้ามผ่านเส้นทางของนักต่อสู้ ต้องอดทนอดกลั้นกับบททดสอบกำลังใจมากมาย บางท่านเคยดำเนินชีวิตผิดพลาดในอดีต หรือบางท่านก็ต้องผจญกับโรคร้ายที่บั่นทอนร่างกายและจิตใจอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่น่าเชื่อว่า ภายหลังจากเกิดไหม่ในเพศสมณะ ทุกรูปกลับสามารถพลิกวิกฤตในชีวิตได้ด้วยบุญ

บารมีธรรมหลวงปู่วัดปากน้ำ ทำให้ได้บวชต่อ

          "เมื่ออาตมาทราบข่าวว่าวัดพระธรรมกายจัดโครงการอุปสมบทหมู่ภาคฤดูร้อน ๑๐๐,๐๐๐ รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา อาตมา ตัดสินใจบวชทันที และในวันบวชนั้นเอง ช่วงค่ำเมื่อ พระอาจารย์นำปฏิบัติธรรม ใจก็รู้สึกสงบอย่างบอก ไม่ถูก จนรู้สึกถึงความสบาย สักครู่หนึ่งได้เห็นองค์พระขนาดเท่าฝ่ามือผุดขึ้นมากลางท้อง แล้วก็ขยาย ใหญ่ขึ้น ๆ จนองค์พระมีขนาดใหญ่กว่าตัวอาตมา แล้วก็ยังมีองค์พระซ้อนต่อ ๆ กันไปหลายองค์ ทำให้ ปลื้มใจจนน้ำตาไหลไม่หยุด เพราะรู้สึกว่าได้เดินมาถูกทางแล้วและอยากอยู่ในเพศสมณะอย่างนี้ตลอดไป

พระธรรมทายาท
วัชรพงศ์ ภทฺทวํโส
อายุ ๒๘ ปี
ณ ศูนย์อบรมวัดธรรมาราม
จังหวัดพระนครศรีอยุทธยา
          "หลายวันต่อมา ได้ครุ่นคิดเรื่องบวชต่ออยู่เสมอ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดค้านว่ายังมีภาระ คือต้องกลับไปหาเงินผ่อนบ้านเดือนละเกือบหนึ่งหมื่นบาท แถมยังมีแม่ที่ต้องดูแลอีกด้วย จึงคิดว่าเมื่อจบโครงการแล้วจะลาสิกขา ปรากฏว่าในคืนนั้นฝันเห็นพระเดชพระคุณหลวงปู่มาบอกว่า "ไม่ต้องห่วงแม่ เดี๋ยวหลวงปู่ดูแลให้ž" นับจากคืนนั้นเป็นต้นมา ก็ ฝันถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่บ่อย ๆ ทุกครั้งที่คิดว่าจะสึก แต่กระนั้นก็ยังอดเป็นห่วงภาระทางบ้านไม่ได้ ยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้สึกว้าวุ่นใจ

          "จนเมื่อวันสิ้นสุดโครงการมาถึง คือ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนชีวิตก็ว่าได้ เพราะก่อนจะมีพิธีลาสิกขา อาตมาแอบไปนั่งสมาธิ แล้วอธิษฐานจิตกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ว่า "หากผมมีบุญที่จะได้บวชต่อ ก็ขอให้มีคนมาช่วยรับภาระ เรื่องบ้านให้ผมอย่างอัศจรรย์ด้วยเถิด"Ž แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะทันทีที่อาตมาลืมตาขึ้นมา ก็เจอกับกัลยาณมิตรผู้ใจบุญคนหนึ่ง คือ โยมพี่นก ใจกุศล ซึ่งเคยรู้จักกันมาอยู่ตรงหน้าพอดี หลังจาก ได้ถามสารทุกข์สุกดิบกันแล้ว และทราบว่าอาตมาบวชต่อไม่ได้ โยมพี่นกก็ออกปากทันทีว่าไม่ต้อง เป็นห่วงเดี๋ยวจะเป็นธุระจัดการให้ และขอให้อาตมา บวชต่อไป ให้ช่วยงานหลวงพ่อไปเรื่อย ๆ อย่างปลอดกังวลได้เลย

          "อาตมารู้สึกอัศจรรย์ใจมากจึงได้บวชต่อมาจนถึงทุกวันนี้และอานิสงส์บวชยังส่งผลไปถึงโยมแม่ คืออาการปวดขาอย่างหนักของโยมแม่ถึงขนาด เดินไม่ได้ กลับมีอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถเดิน ได้คล่องอย่างน่าอัศจรรย์ อาตมารู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันใจ ในความเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่จนไม่สามารถเอ่ยเป็นคำพูดใด ๆ ได้ อาตมาขอสัญญาว่า จะอยู่ช่วยงานหลวงพ่อเผยแผ่ และกอบกู้พระพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลังความสามารถŽ"

พลิกวิกฤตชีวิตด้วยบุญ

          "อาตมาเริ่มรู้จักวัดพระธรรมกายตั้งแต่สมัยยังเป็นศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม หลังจากเรียนจบได้ มาทำบุญกับทางวัดอย่างตลอดต่อเนื่อง เคยทำงาน ไปแล้วหลายบริษัท โดยตำแหน่งล่าสุดเป็นรองกรรมการผู้จัดการบริษัทดังแห่งหนึ่ง ควบคู่ไปกับการ เป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย ตอนนั้น ชีวิตค่อนข้างประสบความสำเร็จ มีรายได้ต่อเดือนด้วยเลข ๖ หลัก แต่ในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ชีวิตที่กำลังรุ่งพุ่ง แรงก็พลิกผันร่วงดับวูบแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อเจอวิกฤตเศรษฐกิจ ถูกเชิญออกจากงาน มีหนี้สินเพิ่มขึ้น ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ๒ เดือน ต่อครั้ง เพราะถูกฟ้องร้องเรื่องค้ำประกัน แถมยังป่วยหนักด้วยโรคเส้นเลือดในผนังสมองโป่งถึง ๔ เส้น ทางธนาคารก็โทรศัพท์มาทวงหนี้ทุกวัน บ้านและรถยนต์ที่มีอยู่ก็ทยอยถูกยึดไปจนหมด แม้ภรรยาสุดที่รักก็ยังมาขอแยกทางจากไป"

 

พระธรรมทายาท ภิสัก สกฺกกุโล
อายุ ๕๔ ปี
ศูนย์อบรมวัดพระะรรมกาย จ.ปทุมธานี

                                                                                          "ในตอนนั้น ทำให้อาตมามาวัดพระธรรมกายทุกวัน พอทุกข์ใจ แก้ปัญหาไม่ออก ก็จะนั่งรถเมล์มานั่งสมาธิที่ห้องปัญญา มาเป็นอาสาสมัครช่วยงาน ต้อนรับชาวต่างประเทศ ต่อสู้กับปัญหาด้วยการมาวัด ใช้วิธีสู้ด้วยบุญอย่างเต็มที่ แล้วไม่นานบุญก็ ส่งผล อาตมาได้เป็นอาจารย์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งหนึ่ง เริ่มมีชีวิตที่สุขสบายอีกครั้ง แต่อยู่ดี ๆ ก็เกิดอาการเบื่อชีวิตขึ้นมาเสียเฉย ๆ เพราะคิดว่า "ชีวิต คนเราไม่แน่นอนเลย ตอนนี้เรากำลังรุ่งเรือง แต่ไม่รู้ว่าจะตกต่ำอีกเมื่อไรž" อาตมาไม่อยากยืนอยู่บนวัฏจักรชีวิตที่ไม่แน่นอนอีกแล้ว จึงบอกกับตัวเองว่า บวชดีกว่าž ทีแรกคิดว่าจะลางานไปบวชสักระยะ แต่พอนับวันลา นับไปนับมาอย่างไรก็ไม่ครบพรรษา สุดท้ายจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว คือ ลาออก
                                                                                
          "พอมาเข้าโครงการแล้ว คิดว่า "เรามาถูกทางแล้ว"ž ผ่านการอบรมไปได้ ๒ อาทิตย์ นั่งสมาธิ ใจนิ่ง ก็เห็นดวงแก้วในศูนย์กลางกาย ตอนนั้นเห็นดวงแก้วชัดประมาณ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ ขณะที่มองดวงแก้วไปเรื่อย ๆ ใจก็นิ่งมาก ๆ อยู่ ๆ ภาพดวงแก้วก็กลายเป็นองค์พระ มีสีเงินใส ๆ ยิ่งกว่าสีของปรอท มีความเงางาม สวยงามมาก ตอนนั้นรู้สึกสบายใจ เหมือนตัวเราเป็นองค์พระที่นั่งอยู่ท่ามกลางความสว่างสีขาว ๆ เต็มไปหมด พอลืมตาแล้วรู้สึกปลอดโปร่ง มีอารมณ์ สบายตลอดเวลา จิตใจก็เต็มอิ่มไม่อยากได้อะไรอีกเลย แล้วเวลานั่งสมาธิถ้าใจนิ่งดี องค์พระก็จะมาให้เห็นได้ บางครั้งก็เป็นองค์เล็ก ๆ บางครั้งท่าน ก็ขยายใหญ่ได้ ยิ่งได้นั่งสมาธิมาก ๆ ทุกวัน อาตมา ก็ยิ่งมั่นใจว่า "การบวชนี่แหละ คือ ชีวิตที่แท้จริงของเราŽ"
                                                                                
                                                                                

จังหวะสว่างของชีวิต คือ การได้มาบวช     

     "ในอดีตอาตมาหลงใหลในเสียงดนตรีมา ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จึงผันชีวิตตัวเองเป็นนักร้องตั้งแต่ อายุ ๑๗ ปี ตอนนั้นทั้งดื่ม ทั้งเที่ยว และด้วยความ เป็นหนุ่มฮิบฮอปมาดเซอร์ จึงใช้ชีวิตอย่างอิสระ แบบคนทางโลก ไม่เคยคิดที่จะเข้าวัดหรือสนใจเรื่อง ศาสนาเลยแม้แต่นิดเดียว"

   

พระธรรมทายาทพยุงฤทธิ์ พลยุตฺโต
อายุ ๓๓ ปี ศูนย์อบรมวัดพระธรรมกาย
จ.ปทุมธานี

                                                                                

          "ช่วงประมาณ ๔ ปีที่ผ่านมา เหมือนจู่ ๆ บุญ ได้ช่องส่งผล เกิดถามตัวเองขึ้นมาเสียเฉย ๆ ว่า "เราเกิดมาแค่ใช้ชีวิตสนุกไปวัน ๆ ทำงาน มีครอบครัว เท่านั้นเองหรือž" อาตมาเริ่มเซ็งและเบื่อ รู้สึกว่าชีวิตกลางคืนไม่สนุกอีกแล้ว จึงไปหาหนังสือสวดมนต์มา หัดสวด ตอนที่สวดคาถาชินบัญชร อาตมาตื้นตันจนน้ำตาไหล เหมือนคุ้นเคยกับการสวดมนต์แบบนี้ มานาน จากนั้นก็ไปกว้านซื้อหนังสือธรรมะมาอ่าน อย่างจริงจัง แล้วยังเปิดอ่านธรรมะทางอินเทอร์เน็ต ทุกวันอีกด้วย ตอนนั้นรู้สึกว่าชีวิตแบบนี้มีความสุขมาก ๆ
                                                                                
          "วันหนึ่งขณะที่ดูเคเบิลทีวีอยู่ที่บ้าน บังเอิญเปิดไปเจอช่อง DMC พออาตมาเห็นโฆษณาชวนบวช พระโครงการแสนรูป ก็รู้สึกว่าเป็นการบวชที่อลังการ สุด ๆ และคิดว่า "สักวันหนึ่ง เราจะต้องบวชแบบนี้ให้ได้"ž หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ข่าวว่าจะมีโครงการบวชเข้าพรรษา อาตมาจึงตัดสินใจเคลียร์งานทั้งหมด อย่างไม่ลังเล เพราะคิดอย่างเดียวว่า ถึงเวลาแล้วที่จะบวช

          "พอมาบวชก็ได้นั่งสมาธิทุกวัน วันหนึ่งอาตมา นั่งหลับตาเบา ๆ ทำตัวสบาย ๆ ตามที่หลวงพ่อสอน ปล่อยวางทุกอย่าง โดยตั้งจิตอย่างแน่วแน่ แล้วภาวนา "สัมมาอะระหังž" ไล่ความรู้สึกไปตามฐาน ที่ ๑ ถึงฐานที่ ๗ สักพักใหญ่ ๆ ใจก็เริ่มสงบ รู้สึกว่าข้างในมันสดชื่นมาก แล้วก็เห็นองค์พระอยู่ตรงหน้า ท่านหมุนรอบตัวเองเหมือนนั่งสมาธิอยู่บนสแตนด์โชว์ ก็มองนิ่ง ๆ ไม่คิดอะไร อยู่ ๆ ท่าน ก็เข้ามาหมุนอยู่ในท้อง องค์พระเป็นองค์ใส ๆ เหมือน จะดึงให้ดิ่งลึกเข้าไป...ลึกเข้าไป ทำให้ไม่อยากออก จากสมาธิเลย"           "พอได้ยินหลวงพ่อย้ำว่า "ถ้าเห็นองค์พระแล้ว อย่าให้หายนะลูก"ž อาตมาก็พยายามทำสบาย ๆ ทำใจให้เป็นสมาธิ ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไร จะรู้สึกว่า มีองค์พระอยู่ด้วยตลอดเวลา บางวันก็เป็นองค์เล็ก ๆ บางวันท่านก็ใหญ่มากจนอาตมาเข้าไปนั่งอยู่ในองค์ พระได้ องค์พระที่เห็นมีมิติ เป็นผลึกใสกว่าแก้ว สว่างจ้าแต่นวลตา สวยงามมากจนไม่รู้จะเทียบกับอะไร แล้วทุกครั้งที่นั่งสมาธิจะมีความสุขมากจนบรรยายไม่ถูก อยากให้พระธรรมทายาททุกรูปขยัน นั่งสมาธิ เคล็ดลับอยู่ที่เราแค่ทำตามที่หลวงพ่อสอน เท่านั้นเอง ถ้าทำได้ เราก็จะเห็นได้ แล้วของแบบนี้ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจลึกซึ้งŽ"
                                                                                
บวชสองชั้นเป็นพระแท้ แด่โยมพ่อโยมแม่

พระธรรมทายาทรอน สิทฺธิโชโต อายุ ๒๑ ปี
ศูนย์อบรมวัดป่าอุทยาน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู  

                                                                                

          "ก่อนมาบวชอาตมาเคยมีชีวิตผิดพลาดตาม ประสาวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่ปล่อยให้ชีวิตล่องไหลไปกับค่านิยมที่ผิด ๆ เป็นนักเรียนนักเลงที่จมปลักอยู่ในอบายมุขและการตีรันฟันแทงจนต้องพักการเรียนใน ที่สุด ตอนนั้นพอเห็นน้ำตาของแม่แล้วก็รู้สึกผิดมาก รู้ว่าตัวเองกำลังทำบาปอย่างมหันต์ ที่ทำให้แม่ต้องร้องไห้เสียใจ และคิดว่าในชีวิตนี้ต้องบวชทดแทนคุณพ่อแม่ให้ได้




                                                                                           "พอออกจากโรงเรียนแล้ว อาตมาก็ไปทำงาน เป็นลูกจ้างส่งน้ำแข็ง ต้องตื่นตั้งแต่ตี ๕ กว่าจะเลิก ก็ประมาณ ๓ ทุ่ม ช่วงนั้นทั้งทำงานหนักและเหนื่อย แต่ก็อดทน เพราะอยากเก็บเงินเอาไว้บวชพระ ทำชีวิตให้ดีขึ้น เพื่อไถ่โทษที่เคยทำผิดกับพ่อแม่ อาตมา อยากบวชมากจนเอาไปนอนฝันว่ามีเทวดา ๒ ตน ใส่ชุดขาวสวมชฎามาบอกให้ไปบวชทดแทนพระคุณ พ่อแม่ พอเล่าความฝันให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่า พอดี เลย แม่เพิ่งไปเจอคนรู้จักมา เขาบอกว่ามีโครงการบวชพระแสนรูปเข้าพรรษาž พอฟังปุ๊บก็อยากบวชปั๊บ แล้วศูนย์อบรมก็อยู่ใกล้ ๆ บ้าน จึงเข้าไปเขียน ใบสมัครบวชทันที
                                                                                
          "เมื่อเข้าโครงการ อาตมาพยายามทำตาม ระเบียบวินัยทุกอย่าง และหักดิบเลิกสูบบุหรี่ เพราะ หวังอยากเอาบุญให้พ่อให้แม่อย่างเต็มที่ และตั้งใจนั่งสมาธิเพื่อให้ได้บุญมาก ๆ มีอยู่วันหนึ่งอากาศดีมาก ทำให้รู้สึกสบายใจ พอนั่งสมาธิดูดวงแก้วไป ไม่นาน ใจนิ่งมาก อยู่ ๆ ดวงแก้วก็สว่างจ้า สวยยิ่งกว่าเพชร มองเฉย ๆ ก็เห็นองค์พระแก้วใสเป็นภาพราง ๆ ชัดประมาณ ๖๐ เปอร์เซนต์ นั่งสมาธิอยู่กลางดวงแก้ว พอเห็นองค์พระแล้ว ตอนนั้นจิตใจเยือกเย็นมาก รู้สึกมีความสุขที่สุด แล้วอาตมา ก็นึกเอาโยมพ่อโยมแม่มานั่งสมาธิอยู่ในศูนย์กลางกายด้วย

          "ตั้งแต่ได้มาบวช รู้สึกชีวิตมีความสุขทุกวัน แม้ชีวิตพระจะเรียบง่าย ไม่มีแสง สี เสียง แต่กลับทำให้สุขใจอย่างที่สุด ได้เรียนรู้ธรรมะ มีธรรมะเป็น ที่พึ่ง รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ทำให้อาตมาสามารถ เปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นคนละคน อาตมาคิดว่า ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย จริง ๆ แล้วไม่ได้วัดกันที่ความ รุนแรงกล้าได้กล้าเสีย แต่การที่เรากล้าเปลี่ยนแปลง ตัวเองให้ดีขึ้นต่างหาก คือ ศักดิ์ศรีที่แท้จริง แล้ว การที่ได้มาบวชเป็นพระแท้อย่างน้อย ๑ พรรษา ทำให้โยมพ่อโยมแม่ได้ชื่นใจอยู่ตลอดเวลา นี้คือ หน้าที่ที่แท้จริงที่ลูกผู้ชายทุกคนต้องทำŽ
                                                                                

"ตั้งแต่ได้มาบวชในโครงการ รู้สึกมีความสุขทุกวัน

แม้ชีวิตพระจะเรียบง่าย ไม่มีแสง สี เสียง แต่กลับทำให้สุขใจอย่างที่สุด"

                                                                                          ในโลกใบนี้..จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าชีวิตที่สูงส่ง น่าเคารพกราบไหว้บูชาที่สุดนั้นไม่ใช่มหาเศรษฐีหรือ ผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่กลับเป็น นักบวช ผู้ที่ได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ ผู้ที่มีเป้าหมาย เดียว คือ ทำพระนิพพานให้แจ้ง เพื่อสลัดตนให้พ้น จากกองทุกข์ ดังโอวาทของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ที่ว่า "ชีวิตอะไรจะมาประเสริฐเท่ากับชีวิตสมณะเป็นไม่มี ชีวิตสมณะเป็นชีวิตสุดท้ายที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่า ใครจะมีฐานะหรือฐานันดรสูงส่งแค่ไหน แม้เป็นถึง พระเจ้าจักรพรรดิ ก็ยังไม่ชื่อว่าประสบความสำเร็จ ในชีวิต ยังไม่ชื่อว่า เป็นชีวิตที่สูงส่งŽ"
                                                                                
          เมื่อรู้อย่างนี้แล้วอย่าปล่อยให้ผ่านเลยไป หาโอกาสให้ชีวิตได้เกิดใหม่ในเพศสมณะ เพื่อเดินตาม รอยบาทแห่งองค์พระสัมมาฯ แสวงหาหนทางแห่งการพ้นทุกข์ให้ได้ ..อย่างน้อยก็สักครั้งในชีวิต
 
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล