วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ ยอดหญิงผู้กอบกู้ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา

ทบทวนบุญ ๑

เรื่อง : พระสมศักดิ์ จนฺทสีโล

 




 

"ยอดหญิงผู้กอบกู้ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา"

            เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงตั้งพระอุบลวรรณาเถรี เป็นพระอัครสาวิกาเบื้องซ้าย ด้านผู้มีฤทธิ์ และพระเขมาเถรี เป็นพระอัครสาวิกา เบื้องขวา ด้านผู้มีปัญญามาก แม้ในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ พระองค์ก็จะทรงตั้งนักบวชสตรีหรือภิกษุณี คือ พระสุมนาเถรีขึ้นเป็นพระอัครสาวิกาเบื้องซ้าย และพระปทุมาเถรีเป็นพระอัครสาวิกาเบื้องขวา นั่นก็แสดงว่า "สตรีŽ" มีบทบาทในการเผยแผ่ และสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาอย่างโดดเด่นเคียงคู่ กับบุรุษเพศมาตลอดแม้กระทั่งไปจนถึงอนาคตข้างหน้า และโดยเฉพาะในขณะปัจจุบันนี้ "สตรีŽ" ในพระพุทธศาสนาทั้งในและต่างประเทศนับล้านกำลัง ร่วมกันชูธงธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้โบกสะบัดพัดไสว เพื่อฟื้นฟูพระอริยสัทธรรมและ นำมหาชนไปสู่เส้นทางแห่งสันติสุขที่แท้จริงอย่างน่า อนุโมทนาสาธุการ

 



 

สตรีในพระพุทธศาสนา คือทหารกล้าแห่งกองทัพธรรม

            พระพุทธองค์ทรงยกย่องสถานะสตรีว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในสถานะของการเป็นหนึ่งในพุทธบริษัท ที่จะร่วมกันเชิดชูและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และทั้งในฐานะของนักบวชผู้สามารถบรรลุธรรม สู่ความเป็นพระอริยบุคคล จนสู่เส้นทางแห่งความ หลุดพ้นได้ ดังเช่น นางวิสาขามหาอุบาสิกา ที่แม้เป็นเพียงฆราวาสผู้ครองเรือนอยู่ ก็ยังสามารถบรรลุ โสดาปัตติผลได้และยังเป็นอุบาสิกาผู้เป็นกำลังสำคัญ ที่สนับสนุนพระพุทธศาสนา จนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เลิศทางด้านการเป็นอุปัฏฐายิกา ส่วนในเพศนักบวชนั้น พระพุทธสาวิกาตลอดจนภิกษุณีทั้งหลาย ที่ท่านสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลชั้นต่าง ๆ ก็มีจำนวนมากมาย ดังเช่น พระอุบลวรรณาเถรี และ พระเขมาเถรีที่ได้กล่าวไว้แล้วตอนต้น หรือแม้กระทั่ง พระกีสาโคตมี ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นธิดาของตระกูลที่มีฐานะยากจน แต่ด้วยความที่เป็นผู้ฝักใฝ่ในธรรม หลังจากบวชเป็นพระภิกษุณีแล้ว เพียงได้พิจารณาเปลวประทีปในอุโบสถ ก็สามารถบรรลุธรรมเป็นพระ อรหันต์ในที่สุด

 



สตรีผู้สง่าในอาภรณ์สีขาว

            เพราะสตรีมีบทบาทสำคัญในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) จึงดำริให้มีกิจกรรมการบวชอุบาสิกาแก้วขึ้น โดยเชิญชวนสตรีทั้งในและต่างประเทศเข้ามาถือศีล ๘ ประพฤติพรหมจรรย์ในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ในนาม "อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน"Ž ผู้ที่นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ใกล้ชิดพระพุทธศาสนาแล้ว ยังจะเป็น "หน่ออ่อน"Ž ที่จะร่วมกันจรรโลงพระพุทธศาสนาไปสู่อนาคต ได้อีกยาวนาน ซึ่งโครงการนี้ได้ดำเนินมาแล้ว ๒ ครั้ง คือ โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ๑๐๐,๐๐๐ คน ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และโครงการบวชอุบาสิกาแก้ว ๕๐๐,๐๐๐ คน ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ และ ที่เพิ่งผ่านไปเร็ว ๆ นี้ คือ โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ๑ ล้านคน ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการใหญ่ที่นอกจากจะมีที่วัดพระธรรมกายแล้ว ยังจัดให้มีการบวชตามศูนย์ต่าง ๆ ทุกอำเภอทั่วประเทศ ซึ่งศูนย์ต่าง ๆ ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นวัดหรือโรงเรียนก็สามารถปรับปรุงและดัดแปลงให้เป็นศูนย์อบรมได้ เพราะสามารถใช้เป็นที่ให้การอบรมและถ่ายทอดความรู้ ทั้งการฝึกสมาธิและความรู้อันเป็นธรรมเบื้องต้น ตลอดจนวัฒนธรรมชาวพุทธที่จะสามารถนำเอามาเป็นแบบแผนในการดำเนินชีวิตในเส้นทาง แห่งสัมมาทิฐิ และเป็นประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติอีกด้วย และสิ่งที่กำลังปรากฏ ขณะนี้ก็คือ ภาพของสตรีผู้งามสง่าในอาภรณ์สีขาว กำลังเป็นภาพที่เกิดขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศไทย และกำลังแผ่ขยายไปสู่ผู้คนในทุกวงการ ทั้งข้าราชการ นักธุรกิจ ตลอดจนประชาชนทั่วไป และกำลังปลุกจิตวิญญาณแห่งความรักในการปฏิบัติธรรมให้เกิดขึ้น แก่ทุกดวงใจของคนในผืนแผ่นดินไทยให้เป็นแผ่นดิน ธรรมแผ่นดินทองอย่างแท้จริง

 






 

...ภาพของสตรีผู้งามสง่าในอาภรณ์สีขาวกำลังเป็นภาพที่เกิดขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศไทย
และกำลังแผ่ขยายไปสู้ผู้คนในทุกวงการ...

ยอดหญิงหัวใจพระ รับผ้าสไบแก้วมาห่มครอง

            หลังจากนั่งสมาธิทำใจให้ใสบริสุทธิ์ในพิธีภาคเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภาคบ่ายจึงได้มีพิธีมอบสไบแก้ว อันเป็นสิ่งที่อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนต่างมุ่งมั่นรอคอย เพราะสไบแก้วจะเป็นสิ่งเตือนใจว่า อุบาสิกาแก้วจะต้องประพฤติพรหมจรรย์ด้วยศีล ๘ บริสุทธิ์ ไปตลอดทั้งการอบรม และก่อนที่จะได้รับผ้าสไบ อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทุกท่านยังได้รับโอวาทอันทรงคุณค่าและสัมโมทนียกถาจากพระธรรมกิตติวงศ์ (ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดโอรสาราม ที่ได้ เมตตามาเป็นประธานในพิธี

 




 

รับศีล บวชเป็นอุบาสิกาแก้ว จุดธัมมจาริณีประทีปถวายเป็นพุทธบูชา

             แม้สตรีจะบวชเป็นพระไม่ได้ แต่ก็บวชเป็นอุบาสิกาแก้วผู้อยู่ใกล้พระรัตนตรัยได้ และในพิธีบวช อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนในครั้งนี้ ได้รับความเมตตาจาก พระธรรมกิตติวงศ์มาเป็นพระศีลาจารย์ จากนั้นในพิธีภาคค่ำ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) นำนั่งสมาธิ และมีพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ จนมาถึงพิธีสำคัญ นั่นคือ พิธีจุดธัมมจาริณีประทีป เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแสงไฟที่ส่องสว่างจากธัมมจาริณีประทีปแต่ละ ดวงนั้น คือ แสงธรรมประจำใจของอุบาสิกาแก้วทุกท่าน ที่จะน้อมนำมาส่องสว่างนำทางชีวิตให้หลุด พ้นจากความมืดทั้งปวง แต่ในขณะนี้ประทีปธรรมได้ถูกจุดเต็มลานธรรม เป็นนัยสำคัญว่า พระพุทธ-ศาสนาจะรุ่งโรจน์สว่างไสว เพื่อเป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยว ให้กับมวลมนุษย์สืบต่อไป

 









 




 

          แสงไฟที่ส่องสว่างจากธัมมจาริณีประทีปแต่ละดวงนั้น คือ แสงธรรมประจำใจของอุบาสิกาแก้วทุกท่าน ที่จะน้อมนำมาส่องสว่างนำทางชีวิตให้หลุดพ้นจากความมืดทั้งปวง

 




จากศูนย์อบรม ณ วัดพระธรรมกาย สานสายใยสู่ทุกภูมิภาค

            สำหรับที่วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี การบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนครั้งนี้จัดขึ้น ณ สภาธรรมกายสากล ซึ่งบัดนี้เนืองแน่นด้วยอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ที่สมัครเข้ามาร่วมบวชอย่างน่าอนุโมทนา สตรีหลายวัยแต่เมื่อมารวมใจเข้าสู่กิจวัตรกิจกรรม ทุก ๆ คนล้วนเป็นวัยเดียวกัน เป็นวัยที่มีแต่ความ กระตือรือร้นในการฝึกฝนอบรมตนเอง เป็นหมู่คณะ ที่งดงาม ที่ใฝ่ในการศึกษาและปฏิบัติธรรม และแม้ จะมีกิจกรรมอันใด ทุกคนต่างจดจ่อตั้งใจที่จะร่วม กิจกรรมนั้น ๆ ด้วยความรักในระเบียบวินัยและภารกิจหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมาย ซึ่งก็คงไม่ต่าง จากศูนย์อบรมอื่น ๆ ทั่วประเทศ ที่แม้ทุกเช้าจะต้อง ตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด ลุกมาสวดมนต์ทำวัตร แม้บางวันจะมีการพัฒนาด้วยบทฝึกเพื่อการสืบสานวัฒนธรรมชาวพุทธ และแม้จะต้องนั่งฟังการบรรยาย ธรรมที่ใช้เวลานาน แต่อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนต่างก็ไม่ระย่อหรือท้อถอย สามารถกระทำกิจกรรมนั้น ๆ ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แม้บางท่านจะมาใหม่ แต่ เมื่อได้สัมผัสกับหลักสูตรการอบรมที่ลงมือทำจริง และได้มีส่วนร่วมทำด้วยตนเองอย่างจริงจัง ความ รู้สึกรักในพระพุทธศาสนา ตลอดจนความภาคภูมิใจ ในความเป็นชาวพุทธได้ถูกตอกย้ำเข้าไปในจิตใจ จนสามารถบอกกับตนเองว่าเกินคุ้ม และเป็นกำไรชีวิตอย่างมหาศาลที่ได้เข้ามาสู่โครงการดี ๆ เช่นนี้ เพราะสิ่งใดที่ไม่เคยได้รู้ก็ได้รู้ สิ่งไหนที่รู้แล้วก็ถูกตอกย้ำให้เข้าไปในใจมากยิ่งขึ้น ศรัทธาที่มีอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มพูน จนกล้าที่จะบอกกับชาวโลกทั้งหลายว่า เราคืออุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นสตรีผู้กล้า ผู้กอบกู้และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบันสู่อนาคต

 




 

ดินแดนแห่งสังเวชนียสถาน กำลังเบ่งบานด้วยแสงธรรม

            แม้อินเดียจะเป็นเป็นดินแดนที่เป็นพุทธภูมิ หรือเป็นที่บังเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา เพราะหากย้อนรำลึกถึงอดีตไปกว่า ๒๕๕๔ ปี เราคงจะเห็นภาพพระพุทธองค์ ตลอดจนเหล่าพระอริยสาวก กำลังบำเพ็ญพุทธกิจเพื่อโปรดชาวโลกแคว้นแล้วแคว้นเล่า เราคงจะเห็นภาพของพระภิกษุสงฆ์ ผู้งดงามท่ามกลางพุทธบริษัทในแคว้น ต่าง ๆ ที่ได้ ใส่บาตร ฟังธรรม มีการสนทนาธรรม และได้เห็นพุทธปาฏิหาริย์ประการต่าง ๆ ถึงแม้ภาพเหล่านั้น จะเลือนหายไปจากแผ่นดินอันเป็นภารตประเทศมาช่วงหนึ่ง แต่บัดนี้สัญญาณแห่งการฟื้นฟูพระพุทธ- ศาสนากำลังเริ่มปรากฏขึ้น เพราะภาพการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนแห่งประเทศอินเดีย ได้ถูกจุด ประกายขึ้นด้วยความร่วมมือร่วมใจของเหล่าพุทธศาสนิกชนชาวอินเดียอย่างน่าอนุโมทนา นับตั้งแต่การจัดครั้งแรกที่เมืองกัลยันและมุมไบ เมื่อกลางปี ๒๕๕๓ มาจนถึงครั้งที่ ๒ ที่เมืองนาคปูร์ บาลากัต และมูนิจาเปอร์ ปลายปีเดียวกันนี้ ไม่ว่าพวกเธอจะ อยู่ไกลสักเพียงไหน ต้องเดินทางสักกี่ชั่วโมง เมื่อ ได้ทราบข่าว ชาวพุทธอินเดียก็จะเร่งรุดเข้าอบรมไม่ขาดสายด้วยชุดขาว ๆ วันละหลายร้อยคน และยัง สามารถปฏิบัติกิจวัตรชาวพุทธได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการไหว้ การกราบพระ แม้เพิ่งได้รับการฝึกก็ทำได้อย่างพร้อมเพรียงชนิดที่คนอินเดียเองยังอึ้ง ไม่ว่าพระอาจารย์จะเทศน์เรื่องอะไร ทุกคนจะตั้งใจ ฟังจนเข้าใจ แต่สิ่งที่ดูเหมือนเป็นของขวัญให้กับความทุ่มเทของพระอาจารย์และทีมงานทั้งหมด ก็คือ พวกเธอทำสมาธิจนสามารถเห็นทั้งดวงและองค์พระ กันได้แล้ว นั่นเท่ากับว่า พวกเธอจะค้นพบความสุข จากภายในด้วยตนเอง ซึ่งเป็นต้นทางความรู้ที่แท้จริง ของชีวิต ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า วัฒนธรรมชาวพุทธเป็นสิ่งที่ชาวพุทธอินเดียเฝ้าคอยมาตลอด ทั้งชีวิต ขาดแต่เพียงผู้ที่จะนำคำสอนดั้งเดิมนั้นมาสาดส่องถึงอินเดียได้อีกครั้ง

 





 

            แม้ชาวพุทธอินเดียจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งในประชากรนับพันล้านคนที่นี่ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าปลาบปลื้ม เพราะบัดนี้เสียงสวดมนต์สรรเสริญ คุณของพระรัตนตรัย และเสียงเปล่งประกาศความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาที่เคยปรากฏในแผ่นดิน นี้ครั้งอดีตได้ดังขึ้นก้องกังวาน ดูประหนึ่งลมหายใจ แห่งพระพุทธศาสนากำลังจะกลับฟื้นคืนมาในเร็ววัน วันนี้ พวกเธอพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติตัวเป็นชาวพุทธที่แท้จริงดังที่เฝ้ารอ เพื่อแผ่ขยายความรุ่งเรืองและยังความสว่างไสว ประดุจดวงตะวันในยามอรุโณทัย ที่เริ่มทอแสงเปล่งประกายฉายฉานทาบทาท้องฟ้า รอเวลาที่จะโคจรยังความแจ่มจ้าและเจิดจรัส ณ แผ่นดินอันเป็นพุทธภูมิ ให้กลับสู่บรรยากาศแห่งความสงบสันติดั่งครั้งสมัยพุทธกาล

 




 

พลังสตรี พลังแห่งสันติ พลังแห่งพุทธธรรม

            ยังไม่เคยมียุคใดที่จะปรากฏภาพสตรี ผู้ที่เคยคุ้นกับการอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ต่างออกมาทำหน้าที่เป็นอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน เพื่อกอบกู้และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาดั่งเช่นยุคนี้ ซึ่งไม่เป็นที่สงสัย เลยว่า การร่วมใจกันทำความดี ความพร้อมเพรียงในการประพฤติปฏิบัติธรรมจำนวนนับแสนนับล้านคนทั้งในและต่างประเทศเช่นนี้ นอกจากจะเกิดเป็น บุญกุศลอันบริสุทธิ์ ยังความดีงามให้เกิดขึ้นแก่แต่ละ บุคคลแล้ว ย่อมจะส่งผลถึงความถูกต้องดีงามในการ ดำเนินชีวิต ส่งผลต่อความสงบร่มเย็นในครอบครัว และรวมไปถึงการขยายสืบต่อไปยังความสงบสันติให้แก่สังคม และประเทศชาติ

            ขออนุโมทนาและขอชื่นชมอุบาสิกาแก้ว หน่ออ่อนทั้งหลายว่า พระพุทธศาสนาในยุคนี้ จะวัฒนาถาวรไปได้ก็เพราะอุบาสิกาแก้วทุกคน เพราะ ทุกท่าน ๆ นี่แหละ ที่ถูกเลือกให้มาเกิดเพื่อการนี้ และให้มาทำหน้าที่อันสำคัญในสภาวะเช่นนี้‚

 




บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล