อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

พระมหาสิริราชธาตุ รุ่นดูดทรัพย์ สำหรับ ผู้สร้างพระธรรมกายประจำตัวภายในมหาธรรมกายเจดีย์นั้น จะได้รับของที่ระลึกเป็นพระธรรมกายของขวัญ

อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ เรื่องที่ ๔๔๑ แท็กซี่ หนีมรณะ

เรื่องที่ ๔๔๑ แท็กซี่ หนีมรณะ
ผิดคาด! รถปอเต็กตึ๊ง ไทยมุง และผู้ปรารถนาทรัพย์สินของคนตาย ต่างผิดหวังไปตามๆ กัน


 

 
 

เขาทั้งสามนั่งไปกับแทกซี่ที่หมดสภาพ เข็มไมล์เสีย แตรรถไม่ดัง
ขับโดยชายชราหูตึง วัยเลย ๖๐ ซึ่งกลางคืนจะมองเห็นภาพ ๑ อย่างเป็น ๒ ภาพ เพราะความเสื่อมของตา


และยังถูกหลอกว่า...เคยไป ยังที่หมาย เพื่อเป็นการสร้างความวางใจให้กับผู้ว่าจ้าง


จนในที่สุด พวกเขาทั้งหมดก็ยอมร่วมเดินทางไปด้วย ทั้งที่รู้ว่า... มันอาจถึงคาด


ตามลางสังหรณ์ ที่เกิดขึ้น
...เขาทั้งสาม ได้ทำอย่างไรกับเหตุการณ์ตรงหน้า เพื่อให้รอดในเสี้ยวอนุวินาทีนั้น


ซึ่งถูกยืนยันจากผู้มุงดู จุดจบของเหตุการณ์นั้นว่า... พวกเขาต้องพิการ หรือ ตาย เท่านั้น!
คุณสุนันทา ชัชวาลย์นนท์ คุณสมศักดิ์-คุณสุกัลยา เกียรติวนิชวิไล ผู้เป็นหุ้นส่วนกันในธุรกิจค้าปุ๋ยและน้ำมันเครื่อง ต่างได้เล่าถึงเบื้องหลัง ในวินาทีมรณะที่พวกเขาประสบ เมื่อเวลาประมาณ ๑๐ โมง ของวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๓ วันนั้นพวกเขาออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งตรงไปจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเจรจาติดต่อธุรกิจ โดยตัดสินใจว่าจ้างคนขับรถ วัย ๖๐ กว่า ด้วยเหตุผล คือ “สงสาร” ต้องการให้เขามีรายได้ เพราะกำลังร้อนเงิน และรถกำลังหลุดประกันในสิ้นเดือนนี้


ก่อนออกเดินทาง ทุกคนต่างช่วยกันขนปุ๋ยตัวอย่าง รวมทั้งสัมภาระที่จำเป็นขึ้นรถ
คุณสุนันทา นั่งหน้าคู่กับคนขับ ส่วนคุณสมศักดิ์-คุณสุกัลยา นั่งด้านหลัง ในระหว่างการเดินทางนั้น แปลกตรงที่คนขับพูดถึงแต่เรื่องอุบัติเหตุ การนองเลือด การตายโหงของเพื่อนที่มีอาชีพขับรถด้วยกัน ในขณะนั้น คุณสุนันทาบอกกับตัวเองอย่างไม่สบายใจว่า “หรือมันจะเป็นลางบอกเหตุ” เพราะตอนก่อนขึ้นรถ เธอรู้สึกสังหรณ์ใจและไม่สบายใจลึกๆ เกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้


เธอจึงไม่รีรอ ตัดสินใจรีบหยิบรูปหลวงพ่อธัมมชโยขึ้นมา และพยายามเปลี่ยนเรื่องให้ทุกคนในรถพูดถึงแต่เรื่องบุญ
ตอนนั้น ปฏิกิริยาคุณลุงคนขับได้แสดงความไม่เห็นด้วย และไม่พอใจที่พวกเรากำลังพูดถึงเรื่องของวัดพระธรรมกาย
การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป..


...คนขับก็ยังขับรถด้วยความเร็วมากกว่า ๑๐๐ กม./ชม. ตอนนั้นความรู้สึกของทุกคนตรงกันว่า “มันเร็วเกินไป” แต่ก็ไม่ได้ท้วงติงอะไร เพราะ อีกใจหนึ่งก็อยากไปถึงยังที่หมายให้ทันเวลา เพราะพวกเราเสียเวลากับการหลงเส้นทางที่จังหวัดราชบุรีมาก่อนแล้ว

๑๐.๐๐ น. พอดี พวกเขาก็มาถึง “โค้งมรณะ” ที่มีคนตายและบาดเจ็บบ่อยที่สุดของย่านนี้ ด้วยความที่ไม่เคยมาและไม่คุ้นพื้นที่นั่นเอง ลุงคนขับ ตีโค้งโดยไม่ยอมลดความเร็วลงเลย และก็ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมแกกลับเหยียบเร่งความเร็วขึ้นไปอีก ประกอบกับถนนบริเวณนั้นติดกับโรงงานน้ำตาล ซึ่งจะมีละอองน้ำตาลจากโรงงานปลิวลงบนถนน เป็นเหตุให้ถนนเหนียว และลื่น แรงเสียดทานระหว่างล้อกับพื้นจึงลดลงไปอีก

นาทีระทึกใจ หลังเกิดอุบัติเหตุ คุณสมศักดิ์ ปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างเหลือเชื่อ รีบถ่ายรูปไว้ด้วยความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย


ทันใดนั้นเอง...!! รถก็ดัง...ครืด...ครื...ด และส่าย จนไม่สามารถบังคับทิศทางได้ ช่วงวินาทีแห่งความตื่นเต้นนั้นเอง ลุงแตะเบรค รถก็ยิ่งส่าย แกควบคุมพวงมาลัยไม่ได้เลย จึงมีเสียงครืด...ๆ ยาวๆ ครั้งที่ ๒ ...ที่ ๓ ตามมา...มันกำลังจะชน!!...เบรคมันหยุดรถไม่ได้ รถถูกปัดไปทางซ้ายที...ขวาที...

 
  คุณสุกัลยา อธิษฐานว่า "ยังไงก็ต้องชน ขอให้พวกเราเจ็บน้อยที่สุด"  
 

ขณะนั้น...สัญชาตญาณแห่งความคุ้นเคย ทำให้พวกเขาทั้ง ๓ หลับ ตานึกถึงบุญ นึกถึงองค์พระที่ศูนย์กลางกายโดยมิได้นัดหมายกันมาก่อน และพยายามเอามือจับพระมหาสิริราชธาตุที่ห้อยคอของตัวเองไว้ โดยคุณสุกัลยาอธิษฐานว่า “ยังไงก็ต้องชนแล้ว ขอให้พวกเราเจ็บน้อยที่สุดเถอะ” ขณะเดียวกับที่คุณสมศักดิ์ก็ตะโกนออกมาว่า “หลวงพ่อช่วยพวกเราด้วย” คุณสุนันทาหลับตานึกถึงบุญ นึกถึงพระมหาสิริราชธาตุอย่างเดียว เธอบอกว่าตอนนั้นเธอคิดอย่างเดียวว่า ไม่มีอะไรช่วยเราได้นอกจากบุญอีกแล้ว ในเสี้ยวอนุวินาทีนั้นเอง รถแท็กซี่คันนี้ได้พุ่งด้วยความเร็วสูง ชนกำแพงดังโครมใหญ่ จนทะลุพังไปทั้งแถบ รถยับเยินไปทั้งคัน กระจกรถแตกละเอียด ซากกำแพงกองอยู่ขัางหน้าอย่างกระจุยกระจาย แต่แปลกที่ความรู้สึกของทุกคนในตอนนั้น บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาไม่ได้ยินอะไรเลย เหมือนกับตัวเองพุ่งเข้าไปชนอะไรนุ่มๆ เหมือนแผ่นกระดาษแผ่นใหญ่ๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้ยินเสียงโครมเลยแม้แต่น้อย และสามารถเรียกสติตัวเองกลับมาโดยเร็ว


ตอนนั้นทุกสิ่งไร้ความเคลื่อนไหว ทุกคนเงียบแน่นิ่ง และลืมตาขึ้นด้วยความงง สักครู่ คนจำนวนมากก็แห่มามุงดู ต่างวิพากษ์วิจารณ์ ลุ้นให้หามคนเจ็บออกมา เพื่อส่งโรงพยาบาล ด้วยเข้าใจว่าไม่น่ารอด ซึ่งแท้จริงล่ะ...พวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง...??

คนขับหัวแตก...คุณสุนันทามือเจ็บนิดหน่อย เนื่องจากเอามือไปค้ำที่คอนโซลหน้ารถ เพราะเธอไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย... คุณสุกัลยา แค่เลือดกำเดาไหล ส่วนคุณสมศักดิ์ไม่เป็นอะไรเลย

  หลังจากทะลุกำแพง ทุกคนมีสติดี ผู้โดยสาร ๓ คน บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย โชเฟอร์หัวแตก บาดเจ็บมากกว่าคนอื่น
 
 

 


ผิดคาด! รถปอเต็กตึ๊ง ไทยมุง และผู้ปรารถนาทรัพย์สินของคนตาย ต่างผิดหวังไปตามๆ กัน ในตอนนั้นคุณสมศักดิ์เอง ก็จำได้ว่ามีกล้องติดมาในรถ จึงลงมาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ทำให้คนที่มามุงดูงงมาก ว่า...ทำไมพวกเขาไม่เป็นอะไร แถมยังมีอารมณ์ถ่ายรูป และพูดคุยกันอีก แต่่ด้วยความไม่ประมาท พวกเขาจึงไปโรงพยาบาล ตรวจเช็คร่างกายว่าจะมีอาการตกเลือดภายในหรือเปล่า

พอถึงโรงพยาบาล พวกเขาพากันตรงไปห้องฉุกเฉินทันที คุณสมศักดิ์ บอกว่าถูกไล่ออกมาเพราะพยาบาลไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนที่ประสบอุบัติเหตุ จนคุณสมศักดิ์เอง ต้องยืนยันว่าเขานี้แหละเป็นผู้ประสบอุบัติเหตุ บุรุษพยาบาลจึงรีบเรียกขึ้นรถเข็นไปตรวจเช็ค

ผลออกมาปรากฏว่า ทุกคนปลอดภัยไม่เป็นอะไรนอกจากรอยถลอกของการโดนสะเก็ดกระจกนิดหน่อย ส่วนคนขับผู้อยู่ในบุญน้อยที่สุด ซึ่งจะมีอาการหนักกว่าทุกคนในรถ ก็ยังแค่หัวแตกเย็บไม่กี่เข็ม

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ พวกเขาทั้ง ๓ ยืนยันถึงอานุภาพบุญในตอนนั้นว่า...ขณะพุ่งชนนั้น พวกเราทุกคนมีความมั่นใจลึกๆ เลยว่า พวกเราปลอดภัยแน่นอน โดยเฉพาะคุณสุกัลยาเธอบอกว่า ตอนทะยานไปที่กำแพง ใจมันไม่ได้อยู่กับกำแพง ทั้งๆ ที่เห็นภาพจะๆ อยู่ตรงหน้า แต่ตอนนั้นใจเธออยู่กับองค์พระมหาสิริราชธาตุที่นึกไว้กลางท้อง และอธิษฐานให้ท่านช่วย

อาจิณกรรม หรือกรรมที่ทำเป็นประจำ ทำจนคุ้น ทำให้พวกเขารอดมาได้อย่างอัศจรรย์ ในเสี้ยววินาทีที่วิกฤติสำหรับชีวิต พวกเขาคุ้นอยู่กับการนึกถึงบุญที่ได้สร้างพระธรรมกายประจำตัว บุญจากการนั่งสมาธิเป็นประจำสม่ำเสมอ คุ้นกับการสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น เมื่อทำจนคุ้น จึงทำให้พวกเขาสามารถเรียกสติ นึกถึงบุญได้ง่าย กรรมในอดีต ถึงแม้จะตามส่งผล แต่ถ้านึกถึงบุญได้ทัน ก็จะช่วยให้แคล้วคลาดไปได้ หรือเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา

จากเหตุการณ์นี้เอง ยิ่งทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในอานุภาพบุญมากขึ้น โดยเฉพาะอุบัติเหตุครั้งนี้ ถ้าพวกเขาไม่เคยทำบุญใหญ่ๆ มา ก็จะนึกถึงบุญไม่ออก นึกถึงพระไม่ได้ หากมีใครเสียชีวิตไปตอนนั้น การตายอย่างไร้สติ แน่นอน...ย่อมมีทุคติเป็นที่ไป ฉะนั้นการนึกบุญตลอดเวลา นึกถึงพระจนคุ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างไม่ประมาท  

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล