รวมกันเราอยู่

วันที่ 08 ธค. พ.ศ.2558

รวมกันเราอยู่

 

       สาเหตุที่ตรัสชาดก พระทศพลประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงทราบความพินาศใหญ่กำลังจะเกิดแก่พระญาติของพระองค์ เพราะทะเลาะกันเรื่องแย่งน้ำเข้านา จึงเสด็จเหาะไปที่แม่น้ำโรหิณี ตรัสถึงต้นไม้ที่สามัคคีกันย่อมพ้นภัย เมื่อพระญาติกราบทูลอาราธนาจึงทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้..


    ครั้งหนึ่ง มีรุกขเทวดา ณ ป่ารังแห่งหนึ่งได้ป่าวประกาศบอกเพื่อนๆ ในป่าว่า.."ท่านทั้งหลาย! หากคิดจะจับจองต้นไม้ใดก็โปรดจับจองต้นไม้ที่อยู่ล้อมรอบรวมกันในป่ารังนี้เถิดนะ เมื่อมีภัยจากลมพายุมา ต้นไม้เหล่านี้จะช่วยกันต้านได้ พวกเราจะได้ปลอดภัยกัน"พวกเทวดาที่ยึดถือเหตุผล และเป็นบัณฑิตก็ยอมรับฟัง ต่างเห็นดีด้วย และทำตามคำของเทวดาผู้เห็นการณ์ไกลโดยที่ตนก็ยังไม่รู้ว่าภัยจะมาเมื่อไหร่และจะปลอดภัยได้จริงหรือ แต่ก็เชื่อมั่นว่าเพื่อนต้องแนะนำดีส่วนพวกที่มีทิฏฐิมานะถือตัว เป็นเทวดาพาล ได้พูดมั่วกันว่า..

"พวกเราจะมาอยู่ในป่าไปทำไมกัน! เราไปอยู่เมืองกันดีกว่าจะได้เครื่องสักการบูชาทุกวันไม่มีขาด"ล

 

      รุกขเทวดาที่ชอบความสบาย ติดในลาภสักการะ ยึดถืออารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ ต่างเห็นดีด้วยรีบพากันไปจับจองต้นไม้แถวบ้านเรือน กระจายกันไปตามที่ต่างๆแล้ววันหนึ่ง ลมฝนพายุใหญ่เกิดขึ้นดั่งฟ้าบ้าคลั่ง กระทั่งพัดพาเอาสิ่งต่างๆ ปลิวกระจายไปทุกแห่งหน แม้ต้นไม้ใหญ่ที่รากมั่นคงยังล้มระเนระนาด เพราะไม่อาจโต้ต้านลมที่โหมแรงเกินกำลังแต่พอถึงป่ารังซึ่งต้นทั้งหมดอยู่ชิดติดต่อกัน ถึงลมจะพัดกระหน่ำมาทุกด้านอย่างไม่ส่างซาก็ไม่อาจนำพาต้นไม้ให้ล้มได้สักต้นเดียว ลมพายุทำได้เพียงพัดผ่านยอดๆ แล้วเลยผ่านไปโดยไม่เห็นช่องทางทำลายได้ พวกรุกขเทวดาในป่าพากันร่าเริงดีใจ ผิดกับพวกรุกขเทวดาในเมืองซึ่งกลายเป็นเทวดาอนาถาไม่มีบ้านพัก ต่างพากันจูงมือเด็กๆ กลับเข้าป่ารังอย่างกระเซอะกระเซิง แล้วพากันอ้อนวอนขอที่พึ่งพิงต่อรุกขเทวดาทั้งหลายในป่ารัง รุกขเทวดาเหล่านั้นก็เอื้อเฟอให้มิตร หายตามอัตภาพที่ช่วยให้ได้ เมื่อเหตุการณ์ประจักษ์แล้วเช่นนี้ รุกขเทวาผู้มีปัญญาจึงประกาศให้ทุกตนทราบถึงอานุภาพแห่งความสามัคคีว่า..

 

"หมู่ญาติพวกพ้องยิ่งมีมากก็ยิ่งดี แม้จะเป็นเพียงไม้ในป่า แต่ถ้าอยู่กันเป็นหมวดหมู่ได้ก็จะดี ต้นไม้ที่ตั้งโดดเดี่ยวถึงจะใหญ่โตเป็นเจ้าป่าก็ยังถูกลมแรงโค่นล้มลงได้ หากหมู่ญาติมากมายต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกันจะอยู่กันอย่างงดงามและประเสริฐที่สุด ศัตรูหมู่อมิตรย่อมจะมากำจัดไม่ได้แน่เหมือนต้นไม้ที่ต่างฝ่ายต่างค้ำจุนสนับสนุนกันและกันเป็นการดีแท้"

แล้วทั้งหมดก็ร่าเริงยินดี ทุกคนมีที่พักอาศัยไม่ต้องมีใครไปนอนคลุกดินดมกลิ่นเหม็น..

 

ประชุมชาดก
       พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า เทวดาผู้เป็นบัณฑิตได้มาเป็นตถาคตแลจากชาดกเรื่องนี้ มีเทวดาสองกลุ่ม กลุ่มที่ยอมรับเหตุผล ชอบความดี เอาความสงบสุขเป็นใหญ่ กับกลุ่มที่ติดลาภสักการะ เอาอารมณ์และความสบายเป็นใหญ่ ผลคือหมู่คณะต้องแตกแยกฝ่ายหนึ่งถูกลมพายุพัดจนฉิบหาย อีกฝ่ายลมหาช่องทำลายไม่ได้ จะเห็นว่า การรักความสงบสุขของหมู่คณะ ยอมรับเหตุผลและชอบใจในระเบียบวินัยที่จะทำให้หมู่คณะอยู่ร่มเย็น ช่วยป้องกันการกระทบกระทั่งกันภายในและภัยจากภายนอกได้ วินัยจึงนำไปดีไม่มีชั่ว ช่วยสนับสนุนการรักษาศีลเป็นความสำรวมกาย วาจา มิให้ไปก่อภัยกับใคร

 

           ผู้ที่ไม่สนใจความเป็นอยู่ของหมู่คณะ ยึดถืออารมณ์ตนเป็นใหญ่ ติดลาภสักการะ รักความสบายไม่ใส่ใจระเบียบวินัย มักก่อความเสียหาย ทำลายระเบียบกติกาดีๆ ทำให้คนในหมู่คณะทั้งหมดต้องสูญเสียโอกาสดีๆ ไปมากมาย เมื่ออยู่ในสังคมใดก็ไม่รักษากฎระเบียบวินัยและกติกาของสังคมนั้นทำให้คนที่มีวินัยอยู่ไม่เป็นสุขสังคมนั้นก็เดือดร้อน ต้องมีมาตรการป้องกันต่างๆ ออกมามากมายแทนที่จะก้าวหน้ากลับต้องมาล้าหลัง ชะลอการเติบโต

         "นิสัยใฝ่ดี, ไม่ชะล่าใจในโทษ, รักความสงบสุขของหมู่คณะ, ไม่ชอบแตกแยก และชอบใจระเบียบวินัย มากกว่าความสบายในลาภสักการะ" ทั้งหมดนี้จึงนับเป็นนิสัยในวิถีนักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในศีลบารมี

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0089727322260539 Mins