การสร้างกำลังใจเพื่อไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร

วันที่ 06 มิย. พ.ศ.2557

 

การสร้างกำลังใจเพื่อไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร

 

             ในการทำจะทำหน้าที่กัลยาณมิตรนั้น เราจะต้องตระหนักให้ได้อย่างชัดเจนว่า เราเกิดมาทำไม และทำไมเราจึงต้องมาทำหน้าที่กัลยาณมิตร เมื่อเราทราบแล้ว ย่อมจะก่อให้เกิดกำลังใจแก่ตัวเรา ดังเช่นโอวาทตอนหนึ่งของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงชีวิตและเป้าหมายของทุกชีวิตว่าควรจะเป็นไปอย่างไร และเมื่อจะทำให้ชีวิตมีคุณค่าด้วยการทำหน้าที่กัลยาณมิตรนั้น จะได้รับอานิสงส์อย่างไรดังนี้1

 

            "เราเกิดมา เป้าหมายก็เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง และเพื่อสร้างบารมี
   เพราะเราเกิดมาเป็นมนุษย์ในแต่ละภพชาติ ก็ต้องการที่ จะแ วงหาทางหลุด
   ทางพ้นจากกิเล อา วะ เข้าถึงความสุขอันเป็นอมตะ เป็นอิ ระจากการบังคับ
   บัญชาของพญามาร เข้าถึงความสุขล้วนๆ แล้วก็ทำพระนิพพานให้แจ้ง จะแจ่ม
   แจ้งได้ก็ต้องหยุดกับนิ่งจนกระทั่งเข้าถึงกายธรรมนั่นแหละ ถึงจะเข้าถึงพระ
   นิพพานได้ เพราะเราเกิดมาก็เพื่อการนี้ ถ้ายังไม่เจอก็ต้องเกิดใหม่เพื่อแ วงหาสิ่งนี้
   ถ้าเจอแล้วก็ไม่ต้องเกิดกันอีก หรือถ้าเจอแล้วแต่ยังไม่ถึงที่สุดถึงเกิดอีกก็เกิดอย่างมี
   ความสุข อยู่อย่าง บายๆ มีชีวิตที่ท่องเที่ยวอยู่ใน 2 ภูมิ คือ ในมนุษย์และเทวโลก"

 

            ผู้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรบางครั้งอาจจะมีความเหน็ดเหนื่อย ท้อถอย แต่เมื่อได้ทราบถึงความจริงของชีวิตแล้ว ย่อมจะตระหนักว่า เวลาชีวิตนั้นมีคุณค่า เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ ย่อมจะก่อให้เกิดกำลังใจที่จะใช้เวลาของชีวิตให้มีคุณค่าด้วยการทำหน้าที่กัลยาณมิตร ดังที่พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้ให้โอวาทต่อไปอีกว่า

             "เราต้องตายนะลูกนะ อย่าไปชะล่าใจ กายหยาบเราอาศัยอยู่ชั่วคราว
   เท่านั้น ไม่ช้ามันก็จะต้องแตกดับไป กำหนดไม่ได้ด้วยว่า จะไปตอนไหน เวลาไหน
   บางคนก็จากไปเมื่อปฐมวัย บางคนก็มัชฌิมวัย บางคนก็ปัจฉิมวัย ถานที่จะ
   ตายเราก็เลือกไม่ได้ จะตายในบ้าน นอกบ้าน โรงพยาบาล ในวัด หรือที่ไหนเรา
   ก็เลือกไม่ได้อีกเหมือนกัน โรคภัยไข้เจ็บ หรืออาการที่ไป เราก็เลือกไม่ได้ บางคน
   ก็ตายแบบชราภาพ บางคนก็เจ็บป่วยไข้ บางคนก็ประสบอุบัติเหตุเภทภัยต่างๆ
   ตายไปแล้ว ชีวิตหลังการตายนั้นยาวนานนัก เป็นอยู่ได้ด้วยบุญและบาปที่เราได้
   กระทำไว้ตอนที่เป็นมนุษย์เท่านั้นที่จะหล่อเลี้ยงเราไว้ ถ้าตอนมีชีวิตอยู่เราสร้าง
   บุญกุศลเอาไว้บุญก็จะนำเราไปสู่สุคติภพ หล่อเลี้ยงให้เรามีความสุขในสุคติ
   โลกสวรรค์ ถ้าบาปหล่อเลี้ยงก็ต้องไปอบายภูมิ ไปเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นอสุรกาย
   เป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น ทุกข์ทรมานอยู่ยาวนานนักทีเดียว"

             "เพราะฉะนั้น ความตายไม่มีนิมิตหมาย เราจึงไม่ควรประมาท ไม่ควร
   ชะล่าใจ ต้องมีความพร้อมเสมอ เราจะพร้อมและไม่กลัวต่อมรณะภัยได้ก็ต่อเมื่อ
   เราได้สั่ง มบุญกุศลเอาไว้ด้วยการให้ทาน รักษาศีล แล้วก็เจริญภาวนาอยู่เป็นนิตย์
   คือ ทำสม่ำเสมอทุกวันไม่ให้ขาด แม้แต่วันเดียว ทำมากบ้าง น้อยบ้างเราก็ทำไป"

             "เพราะว่าบุญควรจะทำให้มากๆ ทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา อีกทั้ง
   หน้าที่กัลยาณมิตรต้องทำให้มันครบถ้วนบริบูรณ์ เมื่อเราสั่ง มบุญกันเต็มที่แล้ว
   เราก็จะมีความพร้อมอยู่ในตัว มันจะมีมหาปีติเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา พร้อมเสมอ
   ไม่ว่าจะละสังขารด้วยอาการใด ที่ไหนก็ไม่หวั่นไหวเพราะเรามีบุญเป็นที่พึ่ง ยิ่ง
   เราเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวก็ยิ่งมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พอถึงพระรัตนตรัยใน
   ตัวแล้วเราจะเลือกเกิดในภพภูมิไหนก็ได้ ในสุคติภพ ภพภูมิไหนก็ได้ เหมือน
   เศรษฐีมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์มาก จะไปอยู่ใน ถานที่ที่ วยงามประณีตสะดวก
   บายตรงไหนก็ได้ เราต้องหมั่นสั่ง มบุญ อย่าไปชะล่าใจว่า เราทำบุญมา
   ตั้งเยอะแยะแล้ว ถ้าบุญเราเยอะเราก็ต้อง มปรารถนาในทุกสิ่ง มหวังดังใจ แต่
   บางครั้งเราก็ มหวัง บางครั้งเราก็ไม่ มหวัง บางครั้งชีวิตก็ราบรื่น บางครั้งมัน
   ก็ขลุกขลัก ก็เป็นเครื่อง บ่งชี้ว่าเรายังสั่ง มบุญมาไม่มาก อย่าไปคิดว่า เราทำ
   กันมามากมายแล้ว"

               พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ท่านให้ความสำคัญของการทำหน้าที่กัลยาณมิตรเป็น      อย่างยิ่ง เพราะหน้าที่กัลยาณมิตร คือ การสร้างบารมีสั่ง มคุณงามความดีที่สูงส่ง และทำให้ชีวิตมี        คุณค่าต่อชาวโลก

 

              "การที่พวกเราได้ก้าวเข้ามาสู่เส้นทางธรรม เป็นนักสร้างบารมี และ
   ตั้งใจจะมาเป็นนักรบแห่งกองทัพธรรมนี้ ถือว่า เป็นความตั้งใจที่ดีที่สุดแล้ว เป็นการ
   ตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะสิ่งนี้หรือภารกิจนี้ คืองานที่แท้จริงของเรา เราเกิดมา
   พร้อมกับภารกิจหน้าที่ที่จะต้องทำกันต่อไป ไม่มีถอยหลังกลับ ฉะนั้นให้รู้สึกเป็น
   เกียรติ มีปีติและภาคภูมิใจที่ได้รับหน้าที่นี้ เพราะหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ เราต้องทำ
   กันไปเป็น หมู่คณะจึงจะสำเร็จ ตราบใดที่เรายังไปไม่ถึงจุดหมาย คือ ที่สุดแห่ง
   ธรรม เราก็จะต้องร่วมมือกันต่อไปสานใจกันให้เป็นหนึ่งทุ่มเทชีวิตจิตใจสร้าง
   บารมีกันให้เต็มที่ บารมีของเราก็จะได้เต็มเปียมบริบูรณ์ บำเพ็ญบารมีให้มาก
   ที่สุดเท่าที่เรายังมีเวลาของชีวิตเหลืออยู่ในโลกนี้"

               "การดำรงชีวิตอย่างนี้ ถือว่าเป็นชีวิตที่มีคุณค่า มกับที่ได้เกิดมาเป็น
   มนุษย์ มาพบพระพุทธศา นา วิชชาธรรมกาย เพราะคุณค่าของชีวิตอยู่ตรงที่ ใคร
   ได้ทุ่มเทสร้างบารมีมากกว่ากัน ได้ปรับปรุงแก้ไขตนเอง ฝึกฝนอบรมตนเอง จน
   กระทั่งสามารถเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในตัวได้ แล้วก็ทำหน้าที่เป็นผู้ให้แสง
   สว่างแก่โลก เป็นผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรนำพาเพื่อนมนุษย์ให้เข้าไปถึงจุดแห่ง
   ความสมปรารถนาได้ ให้เขาได้เข้าถึงความสุขอันเกิดจากการได้เข้าถึง

   พระรัตนตรัยภายในตัว ได้รู้จักเป้าหมายชีวิตที่แท้จริง แล้วก็มีกำลังใจที่จะก้าวเดิน

                ต่อไปสู่ เป้าหมายนั้นได้ตลอดรอดฝัง โดยไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคใดๆ กระทั่ง
   มีชัยชนะถึงจุดหมายปลายทาง ใครทำตรงนี้ได้ บุคคลนั้นถือว่ามีชีวิตที่ทรงคุณค่า
   เป็นชีวิตของยอดนักสร้างบารมี ยอดนักรบกองทัพธรรมที่เป็นที่พึ่งทั้งเป็นต้น
   บุญต้นแบบให้แก่ชาวโลก"


               การทำหน้าที่กัลยาณมิตรจึงเป็นหน้าที่สำคัญอย่างยิ่ง แม้พระพุทธเจ้าเองก็เคยทรงแ ดง พุทธ
   พจน์ตรัสอน ให้สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคมไว้ว่า


              "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงจาริกไป เพื่อประโยชน์และความสุข
   ของชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่
   ทวยเทพและมนุษย์ทั้งหลาย"


               การทำหน้าที่กัลยาณมิตรเป็นการพันาคุณค่าของความเป็นมนุษย์ เพราะหากความสุข
   หมายความเพียงการเป็นอยู่ที่ดีทางกาย มนุษย์เราก็สามารถมีความสุขได้ โดยไม่ต้องเชื่อถือหรือ          ปฏิบัติตามคำสอนของศา นาใดๆ แต่เพราะธรรมชาติของมนุษย์นั้นประกอบด้วยกายและใจ ซึ่ง              ปรารถนาการมีชีวิตที่พัฒนา มีความก้าวหน้าและมีความสุขอย่างบริบูรณ์ในการดำเนินชีวิต ดังนั้น          เป็นธรรมดาที่มนุษย์จึงต้องมีการพันาทั้งกายและใจ ในกรณีนี้ผู้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรจึงเข้ามามี            บทบาทสำคัญในการให้คำชี้นำและให้แนวทางที่ดีในการพันาจิตและวิญญาณเคียงคู่ไปกับการพันา      ทางร่างกาย โดยการชี้ให้เห็นหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาที่สอนให้คนเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม      ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แนะนำหลักในการดำเนินชีวิตด้วยทางสายกลาง

 

 

จากหนังสือ DOU

วิชา DF 202 ทักษะการทำหน้าที่กัลยาณมิตร

กลุ่มวิชาการทำหน้าที่กัลยาณมิตร

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0011674165725708 Mins