วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ การเสวนาทางศาสนา เพื่อสันติภาพ

ทันโลก ทันธรรม
เรื่อง : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ  (M.D.,Ph.D.) จากรายการทันโลก ทันธรรม ออกอากาศทางช่อง DMC

 

 

 

 

 

         ดังนั้น ก็มีการพยายามการแก้ไขอยู่หลายอย่าง สิ่งหนึ่งที่มีการกล่าวถึงกันบ่อยขึ้น คือ การเสวนาทาง ศาสนาเพื่อสันติภาพ พูดง่ายๆ ว่ามีการให้ศาสนาต่างๆ ได้มาพบปะเจอะเจอกันพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนทัศนะ ความคิดเห็นกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น จะได้ลดความขัดแย้ง เป็นการป้องกันเหตุร้ายในอนาคตไม่ให้เกิดขึ้น ถามว่าการเสวนาเพื่อสันติภาพควรทำอย่างไรจึงจะทำได้ผล อาตมาคิดว่าคำๆ หนึ่ง ที่เป็นนิยามที่กระชับแล้วก็ชัดเจน คือ คำว่า แสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง แต่ก่อนเราเคยได้ยินคำว่า แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง พูดง่ายๆ ว่าอะไรที่เหมือนๆ กัน คล้ายๆ กัน ก็เอามาทำร่วมกัน แต่อะไรที่แตกต่างกันก็สงวนไว้เสีย แต่ว่าคำว่าแสวงจุดร่วมแล้วก็สมานจุดต่างนี้ ก้าวลึกไปกว่านั้นอีกขั้นหนึ่ง คือว่า ที่แตกต่างก็สมานกันเสีย จะให้ความสมัครสมานสามัคคีที่ยั่งยืนมั่นคงกว่า

        มาดูว่าเนื้อหาเชิงปฏิบัตินี้ ควรจะต้องทำอย่างไร ถ้าจะเอาง่ายๆ ให้ตรงเป้า ก็คือว่า ทุกศาสนาเวลาพูดคุยกัน คงจะต้องมีประเด็นที่ชัดเจน คือ มาดูว่าจุดที่ควรร่วมกันนั้น ก็คือ อะไรที่เป็นความดีสากลที่ทุกศาสนาทุกความเชื่อยอมรับได้ แม้ชาวโลกทั่วไปบางคนที่ถือว่าตัวเป็นคนไม่มีศาสนาก็ยังยอมรับ ถือเป็นการยอมรับร่วมกันของชาวโลกทั้งมวลว่าสิ่งนี้เป็นความดีสากล อาตมาขอนำเสนอความดีสากล โดยย่อคือ

            ๑. ให้ละจากความชั่วทั้งปวง
            ๒. ให้ตั้งใจทำความดีให้ถึงพร้อม
            ๓. ให้ทำใจของเราให้ผ่องแผ่วบริสุทธิ์

 

 

 

ความดีสากลประการที่ ๒ ความดีสากลประการแรก 
           ให้ละจากความชั่ว อาตมาคิดว่าทุกศาสนาน่าจะยอมรับได้ ถามว่าในแง่เนื้อหาละจากความชั่วคืออะไร ตอบสั้นๆ เลย ศีล ๕ กับอบายมุข ละเสียเถอะ ศีล ๕ รักษาให้ดี อบายมุขอย่าไปยุ่ง นี่คือสาระของคำว่าละชั่ว ยกตัวอย่าง เช่น

        ศีลข้อ ๑ ไม่ฆ่ากัน ไม่เบียดเบียนทำร้ายกัน อันนี้ทุกศาสนาทุกความเชื่อคงจะยอมรับได้ แล้วแค่ความดีสากล ข้อแรกประการนี้ประการเดียว ถ้ารักษาจริงๆ แล้วละก็ โลกเราสงบเย็นขึ้นไปอีกเยอะ ปัญหาหมดไปกว่าครึ่งทีเดียว

          ศีลข้อ ๒ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ลักขโมยกัน เคารพในสิทธิ์ผู้อื่น ไม่ปล้นชิง ทุกคนรับได้เพราะถูกต้อง ใครไปปล้นชิง ของคนอื่นเขา ไปขโมยของเขามันผิดแน่

          ศีลข้อ ๓ ไม่เจ้าชู้ ไม่ประพฤติผิดในกาม ทุกคนก็ยังยอมรับได้ ลูกเขาเมียใครเราจะไปล่วงเกินได้อย่างไร ต้องเคารพสิทธิใน แง่บุคคลของคนอื่นเขา

          ศีลข้อ ๔ ไม่พูดปด ต้องพูดแต่คำจริง คำสัตย์ ทุกคนรับได้ ในโลกนี้ใครๆ ก็ชื่นชมคนที่พูดความจริง มีสัจจะ

          ศีลข้อ ๕ ไม่ดื่มสุรา ของมึนเมา ของเสพติดทุกชนิด อันนี้ ก็คือ จะเห็นตรงกันว่าสุรายาเสพติดไม่ดีแน่

         ๕ ข้อ นี้คือความดีสากล เรามาแบ่งกันดีไหมว่า ช่วยกันสิทุกศาสนาเลย รณรงค์ให้คนรักษาศีล ๕กัน ถ้าคำว่าศีล ๕ เกรงว่าจะมีความเป็นชาวพุทธมากเกินไป จะใช้คำอะไรก็ได้ แต่ขอให้เนื้อหาสาระก็คือ ศีล ๕ ข้อนี้ ซึ่งเป็นพื้นฐานของมนุษยธรรม เป็นธรรมที่มนุษย์ทุกๆ คนควรจะต้องมี
          ถัดมา คือ อบายมุข คือ ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่นเป็นนิจ เล่นการพนัน เกียจคร้านการทำงาน แล้วก็คบคนชั่วเป็นมิตร ทั้งหมด ๖ ข้อนี้ เลิกเถอะ เล่นการพนันคิดว่าทุกศาสนาก็คงจะตรงกันว่าไม่ดี ควรจะต้องเลิก เกียจคร้าน การทำงานก็คงไม่ดีแน่ ไปคบคนชั่วเป็นมิตรเข้า เดี๋ยวเขาก็จะพาเราเสียจนได้ แล้วก็เที่ยวเตร่เอิกเกริก เฮฮากันจนเกินเหต ุเกินควรไปไม่ดีแน่ ไปเที่ยวกลางคืนดึกๆ ดื่นๆ ไม่ดีแน่ นี่ทุกคนเห็นตรงกัน แล้วเราก็มาเน้นเรื่องว่า ช่วยกันรณรงค์ให้ชาวโลก หลีกเลี่ยงออกห่างจากอบายมุข
           ทั้งหมดนี้ คือ ศีล ๕ แล้วก็การหลีกเลี่ยงอบายมุข ก็คือ เนื้อหาของละชั่ว

            ก็คือ การทำความดีให้ถึงพร้อม เนื้อหาสาระหลักก็คือว่า ขอให้มีเมตตาจิตต่อกัน มีความเอื้อเฟื้อรู้จักแบ่งปันกัน ซึ่งข้อนี้อาตมามั่นใจว่าทุกศาสนา ทุกความเชื่อรับได้ ชาวโลกทุกคนรับได้ว่าใครที่เป็นคนมีเมตตา รู้จักแบ่งปันคนอื่น มีน้ำจิตน้ำใจเป็นคนดีแน่ คนเห็นแก่ตัวไม่มีใครชอบ คนที่คิดเอาแต่ได้อย่างเดียวไม่มีใครชอบ ไม่ว่าจะในระดับตัวบุคคลก็ตาม ในระดับองค์กร ระดับของประเทศชาติก็ตาม ประเทศไหนเอาแต่ประโยชน์ตัวเองเป็นหลักอย่างเดียว ไม่มีน้ำใจต่อประเทศอื่นเลย ก็ไม่มีใครชอบ ทุกคนชอบคนที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ รู้จักให้กับบุคคลอื่น ฉะนั้นเราเองก็มาเน้นตรงนี้กันเถอะว่า ช่วยกันรณรงค์ ให้คนเรามีเมตตาจิตต่อกันให้เยอะๆ
ความดีสากลประการที่ ๓ 

          คือ การทำจิตของตนเองให้ผ่องแผ่ว พูดง่ายๆ ว่าทำใจให้สงบนั่นเอง อันนี้เช่นเดียวกัน คิดว่าทุกคนเห็นตรงกัน แน่ว่าคนที่ใจสงบมีสมาธิเป็นสิ่งดี ฉะนั้น สมาธิ คือ ความดีสากล เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ควรจะต้องทำ ระหว่างคนที่คิดฟุ้งซ่าน สะเปะสะปะไปเรื่อยๆ กับคนมีสมาธิ ใจสงบนิ่ง แน่นอนว่าทุกคนก็ต้องเห็นว่าการที่มีใจสงบย่อมดีกว่าการคิดฟุ้งซ่าน การมีจิตใจ สงบนี้เองจะเป็นพื้นฐานรองรับให้การละจากความชั่วแล้วทำความดีนั้น มีความเป็นไปได้จริง แล้วก็ยั่งยืนมั่นคง เราดูตัวอย่างที่ เกิดขึ้นจริงในโลกปัจจุบันพบว่า อย่างในสหรัฐอเมริกาซึ่งความจริงคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอื่นไม่ใช่ศาสนาพุทธ แต่ว่า ปัจจุบันผู้คนหันมาสนใจการฝึกสมาธิมากขึ้นๆ ทุกที จนถึงขนาดนิตยสารไทม์ แมกกาซีน เอามาพาดหัวเลย บอกว่าพระพุทธศาสนา เป็นแนวโน้มใหม่ของอเมริกัน เป็นนิวเทรนด์ เอาขึ้นหน้าปกเลย แล้วเนื้อหาก็บอกว่ามีคนอเมริกัน มาฝึกสมาธิกันในปัจจุบันนี้ เป็นหลักสิบๆ ล้านคนทีเดียว เขาสามารถฝึกสมาธิได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนศาสนา นับถือศาสนาไหนก็นับถือต่อไป แต่ว่าเขารู้ว่าสมาธิดี มาฝึกแล้วใจเขาสงบ ทำให้เขาสบายใจ สามารถทำการงานได้ดี ชีวิตครอบครัวก็ดีขึ้น มนุษยสัมพันธ์ดีขึ้น เขาก็เลยมาฝึกกันปากต่อปากต่อๆ กันไป มีศูนย์สอนสมาธิเกิดขึ้นเป็นพันเป็นหมื่นแห่ง แล้วมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่เฉพาะอเมริกาประเทศเดียว แม้ทางยุโรป ยิ่งประเทศที่พัฒนาแล้ว สังคมมีความเร่งรัด มากขึ้นเท่าไร คนยิ่งสนใจเรื่องการฝึกสมาธิ เห็นความจำเป็นมากขึ้นเท่านั้น นี่คือความดีสากลที่ทุกคนสามารถทำได้

          ฉะนั้นทุกศาสนามารณรงค์กันดีไหมว่ามาฝึกสมาธิกันเถอะ ตัวเองนับถืออะไรก็เอาสิ่งนั้นมาเป็นนิมิต มาเป็นเครื่องหมาย ในการทำสมาธิเบื้องต้นได้ คริสต์ศาสนิกชนอาจจะนึกเป็นไม้กางเขนอยู่นิ่งๆ ที่จุดที่สุดของลม ที่กลางท้องตัวเองก็ได้ ถ้าหากเป็นพี่น้องชาวอิสลาม ชาวมุสลิมอาจจะนึกเป็นพระจันทร์เต็มดวงหรือพระจันทร์เสี้ยวก็แล้วแต่อยู่ที่กลางท้องตัวเองก็ได้ ใครถนัดอย่างไหนนึกอย่างนั้น หรือจะเอาสิ่งของทั่วๆ ไป เช่น ดวงแก้วกลมๆ ใสๆ หรือว่าสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคยแล้วนึกได้ง่าย เช่น พระจันทร์ก็ตาม หยดน้ำ หยาดน้ำก็ตาม อะไรก็ได้ที่ตัวเองถนัด แล้วก็ทำไปเลย ที่นึกแล้วตัวเองสบายใจนั่นแหละ ทำเถอะ ขอเพียงแต่ให้ใจสงบนิ่งเท่านั้นเอง แล้วเมื่อนั้นเราจะพบคำตอบว่า จุดร่วมที่แท้จริงของมวลมนุษยชาติทั้งปวงอยู่ตรงไหน กระแสความขัดแย้ง การทะเลาะเบาะแว้ง การแบ่งเขาแบ่งเราจะหมดไปโดยปริยาย เริ่มปฏิบัติเมื่อไร ความสงบ เริ่มเกิดขึ้นเมื่อไร ใจจะนิ่ง ความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ภายในตัวของทุกๆ คนจะเริ่มเปิดเผยขึ้นมา แล้วเมื่อนั้นมนุษยชาติทั้งปวง จะหลอมรวมเป็นหนึ่ง ความแตกต่างทั้งหลายจะมลายหายไป ทุกคนมีความรู้สึกว่าทั้งโลกนี้ เหมือนเป็นพี่น้องท้องเดียวกันจริงๆ แสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง จะเกิดขึ้นได้ด้วยการสร้างความดีสากลอย่างนี้

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด ฉบับที่ 73 พฤศจิกายน ปี 2551

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล