วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ จุดเปลี่ยนชีวิต ปิดฉากชีวิต "Playboy" โดย ธัน ธนวรรธ


ธัน  ธนวรรธ


-: บันทึกเรื่องราวของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจากการมาวัดพระธรรมกาย :-

 

นุ                          :            วิษณุ ทองขันธ์
ปูมหลัง                 :            ใช้ชีวิตตามนิยามของหนุ่ม Playboy
ปัจจุบัน                :            หักดิบหันหลังไร้เยื่อใยให้อบายมุขทุกอย่าง

 

.....เพราะใครคนหนึ่ง เขาจึงมีวันนี้.....

                         "นุ" เปิดฉากชีวิตวัยระเริงของเขาด้วยสีสันอันเร่าร้อนครบครันด้วยอบายมุข ตั้งแต่เรียนอยู่ ปวช. และเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามดีกรีความเชื่อที่หยั่งรากลึกสุดขีดว่า "ลูกผู้ชาย ต้องแสวงหากำไรชีวิตด้วยการ ดื่ม เที่ยว เกี้ยวสาว และลิ้มลองทุกอย่าง อย่างสุดๆ โดยไม่ยอมผูกมัดอะไรกับใครทั้งสิ้นจนกว่าจะตกลงปลงใจกับใครสักคนที่รักจริง จนมีครอบครัวไปในที่สุด"

                        ซึ่งหากเชื่อว่า ความเชื่อกำหนดการกระทำ ไม่แปลกที่หลายการกระทำ ถูกท้าทาย ยั่วยุให้กระทำขึ้นโดยไม่รู้สึกผิดแม้สักนิดในใจ ทั้งที่ความเชื่อเหล่านั้น อาจไม่มีประโยชน์กับใคร หรือไม่มีผลดีกับใคร หรือแม้แต่อะไรทั้งสิ้น แต่น่าเศร้าเหลือเกินที่ความคิดเช่นนี้กำลังแพร่ระบาดราวกับเชื้อโรคร้ายในสังคมไทยอย่างน่าเป็นห่วง เช่น

                     เด็กๆ ส่วนหนึ่งเชื่อว่า การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนการกินข้าว ไม่เห็นผิดตรงไหน เท่เสียอีกจนต้องเอามาอวดสถิติกัน

                     นักเรียนอาชีวะที่ถูกปลูกฝังความเชื่อมายาวนานว่า การยกพวกตีกันเป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ

                     การรักสนุกของลูกผู้ชาย คือกำไรของชีวิต แม้แต่หญิงยุคนี้ก็ไม่น้อยหน้าในเรื่องนี้
และหนึ่งในนั้น ที่เชื่อความคิดเหล่านี้ คือเขา "นุ"...!!

                     สมัยที่นุเรียน เขาได้รับเลือกให้เป็นนักกีฬาฟุตบอลระดับจังหวัด สังกัดโรงเรียนเทคนิคแห่งหนึ่ง นุเริ่มดื่มเหล้าเป็น จากการที่เพื่อนๆ ชวนไปฉลองเวลาที่ทีมเล่นชนะ ประกอบกับความคึกคะนองของวัยที่อยากลอง ทำให้นุและเพื่อนถลำเข้าสู่วงการสิงห์ราตรีนี้อย่างเต็มตัว ด้วยจำนวนครั้งความถี่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้พฤติกรรมนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตพวกเขา ที่ขาดมันได้ยาก

                     "ครั้งแรกที่ผมไป ก็กล้าๆ กลัวๆ พอมีผู้หญิงมาจับมือ ผมสั่นไปหมด ตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก แต่พอสักครู่ก็หาย เพราะสถานที่นั้นบรรยากาศมันพาไป มีทั้งเต้น ทั้งดื่ม แสงไฟสีหลอกตา เสียงดนตรีเร่งเร้า เหล้า ยา ม่านควันบุหรี่ ทุกอย่างในนั้นมันกระพืออารมณ์ให้กระเจิดกระเจิงไปได้ง่ายมันสนุกสุดเหวี่ยง เหมือนเอาทุกอย่างไปปลดปล่อย แต่พอกลับมาทีไรก็หมดแรงทุกครั้ง รู้สึกเหนื่อย แต่เราต้องเก็บอาการ เพื่อไม่ให้อาจารย์คุมค่ายรู้"

                   ในภาวะนักเรียนคงมีคนสงสัยว่า พวกเขาเอาสภาพคล่องทางการเงินที่ใช้เที่ยวมาจากไหน และนี่แหละ !! เป็นมูลเหตุให้เกิดแผนปฏิบัติการขั้นต่อไป...

                   ยาม้าเม็ดหนึ่งที่เพื่อนในทีมแลกมาด้วยเงิน ๑๕๐ บาท ถูกขยี้บดเป็นผงละเอียด แล้วเทผสมลงกระติก พร้อมกับรินกระทิงแดงใส่ลงไป คนจนเข้าที่ เทแบ่งเป็นแก้วเท่าจำนวนคน...

                   ทุกคนต่างถือแก้วขึ้นด้วยแววตาที่มีความหวัง พลางปล่อยให้น้ำนั้นผ่านล่วงลำคอ และคุยกันว่า การเตะครั้งนี้ต้องชนะอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเป็นการเดิมพันด้วยเงินส่วนตัวที่เหลืออยู่ โดยการลงขันคนละ ๕๐๐-๖๐๐ บาท เพื่อพนันแข่งเตะบอลกันระหว่างโรงเรียนที่ต่างท้าทายกันเองนอกระบบ ซึ่งถ้าฝ่ายใดชนะ ก็จะเป็นผู้ครอง เงินก้อนนี้ไป

                   ในที่สุดการท้าประลองลูกหนังนอกระบบก็เกิดขึ้น มีผู้เล่น ผู้ท้า และกองเชียร์...

                   การดวลลูกหนังเปิดศึกขึ้น ด้วยพลังยาโด๊ปที่พวกเขาดื่มมันเข้าไป ทำให้ลูกทีมทุกคนวิ่งราวกับว่าไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ในที่สุด ทีมของนุก็ชนะจริงๆ

                   แต่ด้วยเลือดและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นผู้แพ้ ได้พุ่งสูบฉีดแรงเกินกว่าน้ำใจนักกีฬาจะต้านทานไหว เสียเงินเสียได้ แต่ศักดิ์ศรีเสียไม่ได้ สถาบันนี้ จะเก่งกว่าสถาบันนั้นไม่ได้ คำว่าสถาบันไหนจะถูกตราหน้าว่าเป็นพ่อสถาบันไหนนั้นยอมไม่ได้ จึงก่อให้เกิดการวิวาท ยกพวกตีกันระหว่างสถาบันขึ้น

                   หลายคนหัวร้างข้างแตก เลือดโชก ..นุแค่ฟกช้ำ แต่เพื่อนสนิทขาหัก...!!

                   บ่อยครั้งที่เป็นเช่นนี้ แต่ทำไงได้ มันเป็นความเชื่อหรือค่านิยมผิดๆ ที่แม้ไม่มีประโยชน์กับใครเลย แต่ก็ต้องทำ...!!

                   แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าเรื่องนี้จะถูกเคลียร์อย่างไรต่อไป เพราะจุดที่น่าสนใจกว่านั้น ซึ่งเป็นผลพวงจากการกระทำเช่นนี้ กำลังจะเปิดฉากขึ้น

                   " นุ" เริ่มใช้ยาม้าเป็น พร้อมกับรู้แหล่งที่มาของมัน ทำให้เขาเริ่มหันมาใช้ยาเป็นการส่วนตัว...!!

                   ช่วงนั้นการเรียนของนุน่าเป็นห่วงมาก แต่สุดท้ายก็พยายามถูไถให้มันจบจนได้ แต่เรื่องราวทำนองนี้ยังไม่จบเพียงแค่นั้น ชีวิตกำลังเริ่มขึ้น เมื่อนุทำงาน หาเงินใช้ด้วยตัวเองได้แล้ว แถมรู้แหล่งที่เที่ยวมากขึ้น !!

                   "ตอนที่ผมมาอยู่พัทยา ที่นั่นเป็นดงของแหล่งเริงรมย์ ตอนย้ายมาที่นี่ ผมไปโดยไม่ต้องมีคนไปเป็นเพื่อน เพราะเราเข้าไปหาเพื่อนในนั้น พอเข้าไปนั่งโต๊ะ เปิดขวดเสร็จ ก็มีผู้หญิงมานั่งด้วย ผู้หญิงในนั้นปล่อยตัวมากไม่กลัวผู้ชาย ในนั้นมั่วกันสุดๆ บางคืนผมสูบบุหรี่เป็นซอง พ่นควันให้ลอยปะทะหน้าสาวๆ ตอนทำมันรู้สึกเท่ ทุกอย่างที่ทำตอนนั้นมันเข้าใจว่าเป็นกำไรชีวิต พอมาตอนนี้ กลับรู้สึกว่า ทำไมเราเหลวแหลกได้ถึงขนาดนั้น...

                   พอย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ บางทีก็ไป RCA บางทีก็แถวสีลม สองที่นี้จะต่างกัน คือ ถ้า RCA มักเป็นเด็กนักเรียนใจแตก ค่าเที่ยวที่นี่ใช้เงินไม่มาก แต่ถ้าแถวสีลม ย่านพัฒน์พงษ์ ก็เป็นพวกผู้ใหญ่ กลุ่มคนทำงานซึ่งใช้ค่าใช้จ่ายเยอะกว่า..."

                   นุ ...แล้วนุไม่กลัวเอดส์หรือ? (ผมสวนคำถามขึ้น)

                   " ก็กลัวครับ แต่ตอนนั้นคิดว่าโชคร้ายคงไม่เกิดขึ้นกับเรา ส่วนมากผมจะเลือกพวกเด็กนักเรียนใจแตกมากกว่า คือถ้าถูกใจก็ไปด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างไม่คิดอะไรกันมาก..."

                   นุ หลุดเข้าสู่วงจรอบายมุขที่ลึกขึ้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่นุยังไม่ได้ลอง...!!.?..?

                   นุ เป็นนักบอลที่เก่ง ชื่นชอบกีฬาประเภทนี้มาก ติดตามดูการแข่งขันทุกแมท ซึ่งคุณคิดว่าผลพวงที่ตามมานั้นน่าจะเป็นอะไร

                   ถูกต้อง...ในที่สุด นุ หนีไม่พ้น ต้องตกเป็นเหยื่อของผีพนัน ที่คืบคลานเข้าสิงและทำลายคุณภาพชีวิตของเขา ทีละน้อยๆ

                   นุ ทุ่มเทรายได้ส่วนหนึ่งให้กับการแทงบอลในทุกอาทิตย์อย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งมีทั้งถูกเขากิน และไม่ถูกกิน
แต่ดูเหมือนถูกกินเสียมากกว่า แม้นุจะเก่งกีฬาด้านนี้มาก่อน ได้เปรียบในเชิงคาดการณ์ว่าทีมไหนชนะ

                   อนิจจา..การพนันไม่เคยทำให้ใครรวยเลย และถ้านุยังไม่เลิกก็คงต้องเหมือนๆ กับหลายๆ คนที่ต้องสิ้นอนาคต ถูกขู่ฆ่า ทวงหนี้จากกลุ่มเจ้าพ่อโต๊ะพนัน ซึ่งก็ได้แต่หวังว่า อย่าให้นุเป็นเช่นนั้นเลย 

                   จากเรื่องราวของนุ ความเสียหายย่อยยับทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเขา และทำลายเขาอย่างช้าๆ ยังคงเรียกว่ากำไรชีวิตอยู่อีกรึเปล่า?..? ถ้าเป็นเช่นนั้นต่อไป อนาคตทั้งหมดของเขาในภพนี้และภพหน้าจะเป็นอย่างไร!

                   อย่างไรก็ตาม เราคงไม่ปล่อยให้ความเพิกเฉยไร้ซึ่งกัลยาณมิตรมีโอกาสทำงานอีกต่อไป และหนึ่งในคนที่คิดเช่นนี้ คือ เขา...คุณสุดเขต ศรีมา ที่ก้าวเข้ามาทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับนุ

                   นุ ถูกชักชวนให้นั่งสมาธิ มาวัดปฏิบัติธรรมตามลำดับ ในครั้งแรกนุได้แต่รับปาก ทั้งที่ใจปฏิเสธ และผัดผ่อนมาเรื่อยๆ จนในที่สุด คุณสุดเขตชวนถี่ขึ้น ทำยังไงได้ คุณสุดเขตเป็นหัวหน้านุ ความเกรงใจบวกภาวะลูกน้อง นุจำใจมา สุดท้ายนุก็มาถึงวัด

                   "ผมรู้สึกทึ่งมาก ไม่เคยเห็น และไม่เคยรู้มาก่อนว่า จะมีคนสนใจมาปฏิบัติธรรมที่วัดมากมายกันขนาดนี้ บรรยากาศที่นี่มีแต่คนดีๆ ผมดูแล้วรู้สึกเลื่อมใส รู้สึกประทับใจ แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก จนกระทั่งพี่สุดเขต ผอ.ผม เขาชวนขึ้นไปนั่งสมาธิ ๗ วัน ที่พนาวัฒน์ ผมรับปากไป เพราะเกรงใจทั้งๆ ที่ตอนนั้นไม่อยากไปสุดๆ แถมวันก่อนจะไป ผมยังไปเที่ยว ไปกินเหล้าเฮฮายันสว่าง ตอนเช้ายังมีอาการเมาค้าง แต่ยังไงก็ต้องลากสังขารตัวเองมาวัดให้ได้ เพราะรับปากเขาไว้แล้ว จองที่เอาไว้หมดแล้ว อาศัยไปหลับบนรถเอา"

                 วันแรก                    รู้สึกปวดหัว สับสน เห็นภาพเก่าๆ มัน replay ที่เราทำไม่ดีไว้ย้อนกลับมาให้เราเห็น
                 วันที่ ๒                    ยังคงเป็นแบบวันแรก แต่ลดลง
                 วันที่ ๓                    ใจเริ่มรวม คิดน้อยลง
                 วันที่ ๔                    ใจมันเฉยๆ ดีขึ้นมาก เริ่มสงบนิ่งได้
                 วันที่ ๕-๖                รู้สึกนิ่งๆ ใจสงบ มีความสุขมาก โล่งโปร่ง เบาสบาย

                 นุ เริ่มค้นพบตัวเอง เริ่มรู้สึกว่า ความสุขแบบนี้ เขาไม่เคยค้นพบ!!

                 " มันผิดกับในเธค ในผับครับ ที่นั่นเร่าร้อน แต่ที่นี่นิ่งสงบ ที่นั่นเป็นความเพลินที่กระหาย แล้วไม่เคยอิ่มสักที แต่ที่นี้เป็นความสุขที่อิ่มเอม พรั่งพรูออกมาจากข้างในโดยไม่ต้องหาจากที่ไหน ..สุขแบบนี้ผมไม่เคยเจอมาก่อน พอเราได้มีเวลามาปฏิบัติธรรม มันทำให้เราหันกลับมามองตัวเองได้ชัดเจนขึ้น สามารถตรองดี ชั่ว ถูก ผิด ในสิ่งที่เราได้พลาดทำลงไป ประกอบกับการได้ฟังธรรมะจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จากพระอาจารย์ตลอด โดยเฉพาะโทษของสุราที่ต้องตกมหานรกขุม ๕ ผมเลยตัดสินใจอดเหล้า ๓ เดือนก่อน เพราะยังไม่แน่ใจว่าเราจะทำได้จริงรึเปล่า..."

                 ในที่สุด นุตัดสินใจเลิกเหล้าตลอดชีวิต เลิกเล่น เลิกเที่ยว เลิกแทงบอล เลิกทุกอย่างที่เป็นอบายมุขทั้งปวง หันหน้าเข้าวัดปฏิบัติธรรม

                 ทุกวันนี้ นุมีชีวิตที่เปลี่ยนไปมาก รวมทั้งเพื่อนรอบข้างที่คิดกลับตัวกลับใจ ทำตามอย่างที่นุทำ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า นุฟัังธรรมะจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อทุกคืนก่อนนอน ไปศูนย์ปฏิบัติธรรมทุกวันพฤหัส มาวัดเป็นประจำทุกอาทิตย์ต้นเดือน หันมา ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นประจำ ทำหน้าที่กัลยาณมิตร จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรอบด้านอย่างเห็นได้ชัด

                 " ตั้งแต่ผมเปลี่ยนตัวเอง การงานผมดีขึ้นมาก อุปสรรคต่างที่เคยติดๆ ขัดๆ ก็น้อยลงไปมาก และเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้มาทำงานสาย เพราะเราไม่ได้ไปเที่ยว ไปเมาจนดึก มีเงินเก็บมากขึ้น เมื่อก่อนเราไปเที่ยวทีหนี่งหมดเป็นพัน เพราะค่าเปิดขวดครั้งหนึ่งก็ห้าร้อยแล้ว กลุ่มเพื่อนก็เปลี่ยนไป เขาเห็นเราไม่กินเหล้า เขาก็เลิกชวน ทุกวันนี้มีแต่คนดีๆ แวดล้อม ..มีความสุขมาก"

                 ชีวิตเพลย์บอยถูกปิดฉากลงแล้ว เราต้องขอขอบคุณและอนุโมทนากับนุ ที่กล้าหาญองอาจยินยอมให้นำเรื่องราวส่วนตัวเหล่านี้มาเปิดเผย เพื่อเป็นอุทาหรณ์ และข้อคิดให้คนกลับตัวกลับใจทำความดีที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม

                 คนผิดแล้ว กล้ายอมรับ นับว่าน่ายกย่อง... แต่คนผิด ที่นอกจากกล้ายอมรับ ยังกล้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง และชักชวนคนอื่นให้ทำดีตาม นับว่าน่ายกย่องสรรเสริญยิ่งกว่า คุณๆ ว่าไหมครับ...

                 และสุดท้ายนี้เราขอเป็นกำลังใจให้นุ ผู้เป็น Hero แห่งการทำความดีที่ยิ่งๆ ไป... 
 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด ฉบับที่ ๑๕ ประจำเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล