เร่งสร้างความดีก่อนจะสาย

วันที่ 25 กค. พ.ศ.2554

 

เมื่อการได้อัตภาพเป็นมนุษย์แต่ละครั้งนั้นยากแสนยาก ไฉนเลยเราจะยอมนั่งหายใจทิ้ง ปล่อยวันเวลาให้ผ่านเลยไปโดยไม่คิดสะสมเสบียงบุญใดๆ ติดตัวเลย เปรียบได้กับคนที่ใช้ชีวิตสะเปะสะปะเหมือนกอสวะลอยน้ำ ใช้ชีวิตแบบที่ชาวโลกทำตามๆกันมา


ในวัยเด็กก็ตั้งหน้าเล่าเรียน เพื่อโตขึ้นจะได้สอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ จะได้เป็นหน้าเป็นตาให้พี่น้องวงศ์ตระกูล แล้วก็ต้องแย่งกันหางานทำดีๆ เพื่อให้มีคู่ครองดีๆ มีลูก แล้วก็เลี้ยงลูก ลูกมีหลานก็เลี้ยงหลาน สุดท้ายก็อยู่ไม่ถึงโหลน แล้วก็ตายไปในที่สุด วนเวียนซ้ำซากกันอยู่อย่างนี้


ชีวิตมีแค่กิน-กาม-เกียรติ จะหาบุญกุศลใส่ตัวบ้างก็เล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับวันเวลาที่มีชีวิตอยู่ เมื่อวันสุดท้ายในการปิดงบดุลชีวิตมาถึง กว่าจะรู้ว่าบัญชีบุญน้อยกว่าบัญชีบาปอย่างเทียบไม่ได้..ก็สายไปเสียแล้ว


เราต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ว่า ยุคสมัยนี้อายุขัยมนุษย์เหลือแค่ประมาณ ๗๕ ปี สัตว์ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ นอกจากพวกมาสร้างบารมีแล้ว มีแต่พวกบุญน้อยมาเกิดทั้งนั้น เราจึงเห็นกันทั่วไปว่าในสังคมทั้งโลก คนมีบุญน้อยคนฉลาดน้อยมีมากกว่าคนที่บุญมากฉลาดมาก คนหลับใหลอยู่ใต้อำนาจกิเลสมีมากกว่าคนรู้ตัวตื่นจากอำนาจกิเลส

เมื่อเราต้องมาเกิดร่วมยุคร่วมสมัยด้วย จึงต้องพยายาม ทำใจ แม้จะมีความหวังดี ความปรารถนาดีให้พวกเขาเพียงใด เมื่อเขาไม่ยอมรับ เราก็ต้องวางใจเป็นอุเบกขา คิดเสียว่า

"พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพุทธานุภาพไม่มีประมาณแค่ไหนยังทรงสอนผู้คนได้ไม่หมด บางหมู่บางเหล่าพระองค์ยังต้องทรงปล่อยให้เป็นไปตามกรรมของเขา เราวิเศษแค่ไหนกัน จึงมากลุ้มใจด้วยเหตุที่กลับใจคนไม่ได้ แม้ในครอบครัวเดียวกัน ใครดื้อนักอยากเป็น มิจฉาทิฐิ เตือนไม่ฟังก็ปล่อยเขาไป เราอยู่เกี่ยวข้องกับพวกเขาในโลกนี้อีกไม่นานก็หนีตายแล้ว เร่งเพียรประกอบคุณงามความดีใส่ตัวเองดีกว่า" (นิตยสารกัลยาณมิตร NO. ๑๖๙)

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0027361154556274 Mins