วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ ความกตัญญูต่อพ่อผู้ให้กำเนิดและพ่อแห่งชาติ

 

 

 

   ในวาระวันพ่อปีนี้ กราบขอความเมตตาหลวงพ่อให้ข้อคิด ในเรื่องความกตัญญูต่อพ่อผู้ให้กำเนิดและพ่อแห่งชาติ

 

 

      วันพ่อเป็นวันสำคัญของชาติ และเป็นวันสำคัญของโลกมนุษย์ทีเดียว เพราะมนุษย์ทุกคน จำเป็นจะต้องมีพ่อ และต้องได้พ่อที่ดีด้วย ไม่อย่างนั้นตัวเองก็ยากจะเป็นคนดีได้  

       เรารู้กันว่า พ่อเป็นผู้มีพระคุณ ปั้นให้เราเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ แต่รู้แค่นี้ยังไม่พอ สิ่งที่เราต้องรู้อีกก็คือ คำว่า "กตัญญู" คือ รู้คุณท่าน กับคำว่า "กตัญเวที" คือ ประกาศคุณความดีของท่านให้โลกรู้ แต่การที่คนใดคนหนึ่งจะรู้พระคุณของพ่อว่ามีอย่างไรบ้างไม่ง่าย คนที่จะมองเห็นพระคุณพ่อได้ชัด ต้องใจหนักแน่นอยู่ในธรรมทีเดียว จะชี้ให้ดูย่อ ๆ ดังนี้


        พระคุณของพ่อมีอย่างไรบ้าง

                ๑. ให้ชีวิต

                ๒. ให้ต้นแบบกายมนุษย์

                ๓. เป็นต้นแบบทางใจ


        ๑. ให้ชีวิต ถ้าไม่มีพ่อ เราเกิดมาไม่ได้

        ๒. ให้ต้นแบบกายมนุษย์ ตอนจะมาเกิดในโลกนี้ ถ้าเราไปเข้าท้องสัตว์โลกชนิดอื่น ไปเข้าท้องช้าง ท้องม้า ท้องเสือ ท้องเก้ง อะไรก็ตามที เราจะไม่ได้รูปร่างอย่างที่เราเป็นอยู่อย่างนี้ ถ้าเราไปได้รูปร่างสัตว์อื่นเสียแล้ว โอกาสที่จะสร้างความดีทั้งหลายไม่มีเลย เพราะความดีทั้งหลาย ต้องเริ่มสร้างด้วยกายมนุษย์ แต่กายมนุษย์นี้จะมาลอย ๆ ไม่ได้ ต้องได้ต้นแบบมาจากพ่อ เพราะฉะนั้นพระคุณประการที่ ๒ ของพ่อ ก็คือให้ต้นแบบที่เป็นกายมนุษย์นี้

        ๓. เป็นต้นแบบทางใจ ส่งเสียให้เรียนรู้ ส่งเสริมการศึกษา อบรมให้มีความรู้ความสามารถ ให้ทรัพย์สินเงินทอง ให้มรดก

        ในเรื่องที่พ่อให้ชีวิต นักวิทยาศาสตร์มองออก แต่เรื่องที่พ่อเป็นต้นแบบกายมนุษย์ ส่วนมากมองกันไม่ออก วันนี้จึงต้องนำมาบอกกัน แล้วให้จำไว้ด้วยว่า พระคุณ ๒ ข้อแรกนี้ยิ่งใหญ่นัก แต่ มนุษย์มองไม่เห็น ไปมองเห็นข้อที่ ๓ คือ เป็นต้นแบบทางใจ ความจริงแล้วเรื่องการส่งเสริมให้มีความรู้ความสามารถ ให้การเลี้ยงดูอะไร ๆ นั้น ยังเป็นพระคุณที่รองลงมา เป็นของแถม พระคุณ ที่สำคัญหนักหนาสาหัส ก็คือ ๒ ข้อแรก

        แต่ปัจจุบันนี้ลูกส่วนใหญ่จ้องแต่ของแถม ว่ามีมรดกให้เท่าไร แต่ที่ท่านให้ชีวิต เป็นต้นแบบ กายมนุษย์ไม่ค่อยสนใจ เพราะฉะนั้นจึงต้องนำมาเตือนกันตรงนี้ แล้วอยากจะชี้ให้เห็นไว้อีกด้วยว่า แม้พ่อของเราไม่ได้เลี้ยงเราเลย ท่านอาจจะตายตั้งแต่เรายังอยู่ในท้องแม่ ถามว่าท่านมีพระคุณไหม หน้าก็ไม่เคยเห็น เลี้ยงเราก็ไม่ได้เลี้ยง แม้กระนั้นท่านก็มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ เพราะเป็นต้นแบบกายมนุษย์และให้ชีวิตมนุษย์แก่เรา

        เมื่อถึงวันพ่อ เราในฐานะเป็นลูกกตัญญูก็ต้องมาทบทวนพระคุณของพ่อ เริ่มตั้งแต่เรื่องหลัก ที่ท่านให้ชีวิตเราก่อน ถ้าท่านใจร้ายบอกให้แม่ขับเราทิ้งเสีย อย่าให้เกิดมาเลย เท่านั้นแหละ เราหมดโอกาสเกิด หมดโอกาสมาทำความดี แต่ที่เราเกิดมาได้เพราะท่านมีเมตตาต่อเรา ปรารถนา ให้เราได้เกิดมา นี้คือพระคุณข้อที่ ๑

        ส่วนพระคุณข้อที่ ๒ ท่านให้ต้นแบบกายมนุษย์มา เมื่อนึกอย่างนี้แล้วก็เอากายมนุษย์ที่พ่อให้มาสร้างความดีเสียให้เต็มที่ อย่าเอาไปทำความชั่ว ฝึกตัวให้มีความรับผิดชอบให้ดี ไม่อย่างนั้น เขาจะด่ามาถึงพ่อได้ ว่าลูกพ่อมีความเป็นคนไม่ครบ ไม่รับผิดชอบ ทิศทั้ง ๖ ก็ไม่ดูแลให้ดี ไม่รับผิดชอบสังคม ไม่รับผิดชอบศีลธรรมหรือเศรษฐกิจเลย เกิดมาเพื่อบ่อนทำลายประเทศชาติโดยเฉพาะ ทบทวนถึงความรับผิดชอบของเราให้ดี อย่าให้รู้สึกตำหนิตัวเองได้ และอย่าให้ใครเขาตำหนิได้ว่าพ่อให้กำเนิดคนไม่ดีมาในโลก อย่างนี้ก็เป็นการตอบแทนพระคุณพ่อประการที่ ๑

        ประการที่ ๒ เมื่อตรวจสอบตัวเองแล้วว่าเราเองเป็นคนดี ไม่มีที่ตำหนิ มีความรับผิดชอบสมบูรณ์ดีแล้ว ยังมีอะไรที่จะทำตอบแทนพระคุณท่านโดยตรงได้บ้าง ไปดูเลยตั้งแต่ความสุขทางกายของท่านมีพอสมควรแล้วหรือยัง ตั้งแต่ทำงานมาปัจจัย ๔ ดูแลท่านบ้างไหม ถ้าดูแลยังไม่ดี ไปจัดการให้สมบูรณ์ ถ้าดูแลดีแล้ว วาระวันคล้ายวันเกิดจะมีอะไรพิเศษ ๆ ให้ท่าน ก็มีเถอะ แล้ว หากท่านขอร้องสิ่งหนึ่งประการใดให้ทำแก่ท่าน หรืออยากจะทำอะไรให้ท่านชื่นใจในฐานะวันพ่อ ทำเถอะ ยิ่งท่านขอร้องมา ยิ่งต้องทำ

 






 

        เมื่อเราตอบแทนในสิ่งที่เป็นความสุขทางกายของพ่อแล้ว อย่าลืมความสุขทางใจของท่านด้วย ถ้าธรรมดาท่านไม่ค่อยได้เข้าวัด ทำทาน รักษาศีล สวดมนต์ นั่งสมาธิ วันพ่อชวนท่านไปวัดให้ได้ พ่อลูกจะได้สร้างบุญร่วมกัน ทั้งทำทาน รักษาศีล ทำภาวนาร่วมกัน เรากับพ่อจะได้ไปเกิดสร้างบารมีด้วยกันอีก ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นการปิดนรกเปิดสวรรค์ให้พ่อด้วย แต่ถ้าพ่อของเราไปวัดปฏิบัติธรรมเป็นประจำ ก็หาโอกาสทำบุญอะไรพิเศษ ๆ ในวันพ่อแห่งชาติอย่างนี้ยิ่งดี

        ส่วนในกรณีที่พ่อของเราละโลกไปแล้ว ก็ตั้งใจทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน เกิดเป็นชาวพุทธ ดีตรงนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่าแม้ละโลกไปแล้ว หากตั้งใจทำบุญ บุญก็สามารถอุทิศ ไปให้พ่อซึ่งอยู่คนละโลกได้

        สำหรับพ่อของชาติ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นที่เคารพรักของปวงประชา ทั้งชาติ ในฐานะที่เราเป็นพสกนิกร ได้อยู่เย็นเป็นสุขภายใต้บารมีของพระองค์ท่าน เราก็ต้องแสดงความกตัญญูกตเวที ด้วยการตั้งใจทำความดีถวายเป็นพระราชกุศล ในเมื่อพระองค์ทรงเป็นพ่อที่ดีของชาติ เราก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นลูกที่ดีของชาติ

        ในแง่ของทางโลก ก็ตั้งใจประพฤติตนตามแนวพระราชดำรัสที่พระองค์ตรัสเอาไว้ สิ่งใด เป็นไปเพื่อความสามัคคีมีสุขของคนในชาติ สิ่งนั้นต้องตั้งใจทำ ห้ามละเลย ยิ่งกว่านั้นในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ พระองค์ทรงสั่งนักสั่งหนาว่า ความอดออมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง อย่ามองข้ามเด็ดขาด เพราะว่าพระองค์ทรงพินิจพิจารณาอย่างดีแล้วในเรื่องเหล่านี้ ถึงแม้เราจะตรองตามไม่ทัน แต่ถ้าปฏิบัติตามได้ก็ให้ปฏิบัติตาม วันหนึ่งก็ตรองตามทันเอง    

 

     ในแง่ของทางธรรม ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องถวายพระราชกุศลแบบสุด ๆ คือ ทั้งตัวเอง ทั้งญาติสนิทมิตรสหายในที่ทำงาน หรือทิศทั้ง ๖ ของเรา ให้ร่วมกันทำบุญถวายเป็นพระราชกุศล เพื่อให้พระองค์ทรงมีพระชนมายุยืนยาว เราจะได้อยู่ภายใต้พระมหากรุณาของพระองค์ท่าน ตลอดไปอีกนานแสนนาน นี้ก็จะเป็นการแสดงความกตัญญูต่อพ่อของลูก และพ่อของชาติอย่างสมบูรณ์

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด ฉบับที่ 86 ธันวาคม ปี2552

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล