หลวงพ่อทัตตชีโว

 เพราะสัมมาทิฏฐิ ๘ ประการ มีฤทธิ์อย่างนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า  ผู้มีสัมมาทิฏฐิเพียงคนเดียว เกิดขึ้นที่ไหน

 ประการสุดท้ายของสัมมาทิฏฐิ คือ มีความเชื่อว่า สมณะหรือนักบวชที่หมดกิเลสได้มีจริง พูดง่ายๆ  เชื่อว่า

สัตว์ที่เกิดในโอปปาติกะนั้น มี ๒ ประเภท  คือ  ๑) พวกสัตว์นรก   ๒) พวกเทวดา พดูง่ายๆ เป็นพวกบาปมากกับพวกบญุมาก  พวกนี้เกิดโดยโอปปาติกะ คือเกิดปุ๊บโตปั๊บ

สำหรับเรื่องนี้ได้เจาะลึกลงไปอีก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสอนต่อไปอีกว่า โลกหน้ามีจริง พูดง่ายๆ คือ ตายแล้ว

เรื่องพ่อแม่มีพระคุณหรือไม่นั้นเราไม่สงสัย แต่มัน มีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งน่าคิด และหลวงพ่อเองก็เคยสงสัยมาก่อน

 เรื่องที่สี่นี้เจาะลึกเข้าไปอีก คือกรรมดีกรรมชั่วมีผล ไม่สูญเปล่า เรื่องนี้พระองค์ตรัสกับบัณฑิตในสมัยโน้น นักปกครองสมัยโน้น

ท่านใช้คำว่า การปฏิสันถารต้อนรับ เป็นความดีจริง ควรกระทำ ตรงนี้ขอขยายความนิดหนึ่ง เพื่อจะได้ลุ่มลึกเข้าไป ในแง่ของการสร้างมิตร ท่านใช้อยู่คำหนึ่ง

ก้าวที่สองของสัมมาทิฏฐิ พระองค์ท่านใช้คำนี้คือ การยกย่องบูชาคนดี เป็นความดีจริง ควรกระทำ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งให้ทำเป็นล่ำเป็นสัน

   การให้ทาน เป็นความดีจริง ควรกระทำ เมื่อเกิดมาเป็นคนแล้วต้องปันกันกิน ปันกันใช้ ถ้าภาษาพระเราคุ้นกันมาแล้ว

     คำว่า "สัมมาทิฏฐิ" นี้ เราเคยได้ยินกันมานานแล้วแต่ถ้าจะถามว่า สัมมาทิฏฐิ คืออะไร ? ในขั้นต้น ขอให้ความหมาย สั้นๆ ว่า