ชีวิตแลกชีวิต

วันที่ 23 มค. พ.ศ.2559

ชีวิตแลกชีวิต


                สาเหตุที่ตรัสชาดก พระทศพลทรงสดับว่า พระเทวทัตพยายามจะปลงพระชนม์พระองค์จึงตรัสว่า มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็พยายามเหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่าดังนี้..

                ในอดีต ณ สระน้ำกลางป่าละเมาะแห่งหนึ่ง มีกวาง นก เต่า 3 หายอาศัยอยู่ริมน้ำ กล่าวกันว่าสัตว์ทั้ง 3 นี้เป็นสหายรักกัน แต่ยังไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ว่าแท้จริงเป็นอย่างไร เนื่องเพราะทั้ง 3ยังไม่พานพบเหตุการณ์อันใดให้พิสูจน์น้ำใจกันและกันอย่างแท้จริงเลย ที่ผันผ่านมาก็เพียงเกื้อกูลกันในยามมีสุขร่วมเสพ! ไม่แน่บางทีอาจเป็นแค่สหายรักที่ร่วมกันกินก็เป็นได้ มีแต่สถานการณ์วิกฤตเท่านั้นที่สหายร่วมตายจะพลันปรากฏ!

 

                  จนมาวันหนึ่ง ขณะที่สัตว์ทั้ง 3 ต่างออกไปหากิน พรานป่าเดินมาพบเห็นรอยเท้ากวางที่ริมน้ำ พรานป่าไม่รอช้ารีบวางบ่วงดักซ่อนไว้ก่อน กวางวิ่งมาดื่มน้ำ ไม่รู้กลลวงได้ติดบ่วงตะโกนร้องเรียกสหาย นกสตปัตตะได้ยินเสียง หายก็รีบลงมาจากยอดไม้ เต่าก็รีบขึ้นจากน้ำ นกกับเต่าปรึกษากันว่าจะทำยังไงกันดีนกจึงบอกเต่าว่า..

    "สหาย! ท่านมีฟันจงแทะบ่วงเถิดส่วนเราจะบินไปถ่วงเวลาพรานป่าไม่ไห้มาเร็วนัก หากสองเราช่วยกันมิแน่ว่าสหายของเราจะรอดชีวิตก็ได้"

 

                เต่าจึงเริ่มแทะเชือกทันทีส่วนนกก็ขึ้นไปยืนสอดแนมคอยท่าอยู่ที่บ้านนายพราน นายพรานถือหอกออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ นกนักสู้ก็โฉบปรบปีกเอาปากจิกนายพราน นายพรานวิ่งทุลักทุเลถอยหนีกลับเข้าบ้านคิดว่า..

"ฮึ่ย! ถูกนกอัปมงคลจิกเสียตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกประตูเลย วันนี้เห็นจะโชคไม่ดีเอาซะแล้วขอนอนอีกทีเพื่อล้างซวย.."

 

               นายพรานตื่นขึ้นมาอย่างระทมระทวยกับแผลที่โดนจิกซึ่งยังไม่หายเจ็บแสบ แล้วคว้าหอกออกจากบ้านทันทีคราวนี้ออกทางประตูหลังบ้านเพื่อจะได้ไม่ต้องพบนกตัวซวยอีก มิคาดนกโฉบลงมาจิกอีก นายพรานคิดว่าถูกนกกาฬกัณณีจิกตีอีกแล้ว จึงหันกลับเข้าบ้านไปนอนต่ออีกรอบ รอจนฟ้าสว่างแล้วก็ถือหอกออกไปอีกครั้ง นกรู้ว่าเช้าขนาดนี้ห้ามไม่อยู่แล้วจึงรีบบินไปบอกกวางว่าตอนนี้นายพรานกำลังเดินมาแล้ว!

               ส่วนเต่าได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นรีบเร่งเอาปากกัดเชือกอย่างไม่ยั้ง หลังจากกัดมาแล้วทั้งคืนจนระบมไปทั้งปาก ขณะนี้ยังเหลืออีกเกลียวเดียวเท่านั้น! เต่าไม่อาจหยุดได้ ตอนนี้ฟันของเต่าเรรวนจวนร่วงจะหมดปากอยู่แล้ว ปากก็ฟูมไปด้วยเลือดกลบเต็มไปหมด แต่ความปวดแสบปวดร้อนกลับไม่มีผลให้เต่ากังวลสนใจ เนื่องเพราะเต่ามัวแต่ตื่นเต้นกลัวว่าจะไม่ทันการณ์ กลัวเพื่อนจะตายจึงกัดอย่างไม่คิดชีวิต อย่าว่าแต่ฟันในปากเลย ต่อให้กระดองแตกทำลายก็ไม่มีกะใจไปมุ่งสนใจ!

 

                 นายพรานมองมาแต่ไกล พอเห็นกวางติดบ่วงก็รีบเดินมาอย่างเร็วไว เต่าเห็นนายพรานใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว จึงฮึดสุดขีดกัดเข้าเต็มแรงจนเกลียวสุดท้ายขาดสะบั้น กวางดิ้นหลุดได้รีบพรวดเข้าป่าไปทันทีส่วนนกก็เกาะบนยอดไม้มองอย่างโล่งอก แต่กลับต้องตระหนกสุดขีด! เพราะไม่มีใครจะคาดคิดว่า เต่าไม่ยอมหนีลงน้ำ เต่าแน่นิ่งไปแล้ว! เต่าบอบช้ำมากเกินกว่าที่จะเคลื่อนไหวใดๆ ได้อีกอย่าว่าแต่เคลื่อนไหวก็ช้าอย่างยิ่งอยู่แล้วด้วย พรานจับเต่าใส่กระสอบแขวนไว้ที่ตอไม้ กวางเหลียวหลังกลับมาดูจึงรู้ว่าเต่าถูกจับไป กวางไม่สนใจชีวิตตนอีกแล้ว รีบวิ่งย้อนกลับมาใหม่อย่างไม่คิดชีวิต วิ่งไปพลางคิดไปว่าเราจะคืนชีวิตให้แก่ หายของเราอย่างไรดี เมื่อใกล้ถึงตัวนายพราน ด้วยหัวใจที่คิดว่าจะต้องช่วยสหายเต่าให้จงได้ ปฏิภาณก็พลันเกิดขึ้นมาทันท่วงที กวางแกล้งชะลอความเร็วลงทำตัวคล้ายหมดแรง พรานป่าคิดว่ากวางนี้หมดแรงแล้วจึงรีบถือหอกวิ่งไล่ตามไป กวางล่อนายพรานเข้าป่าได้แล้วก็เหยียบรอยเท้าลวงไปทางอื่น จากนั้นรีบวิ่งย้อนกลับไปช่วยเต่าอย่างเร็วปานลมพัด จิตกระวัดคิดถึงแต่เต่า แม้ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันก็ต้องช่วยสหายนี้ให้จงได้ เมื่อเต่าให้ชีวิตตนได้ไฉนตนจะให้ชีวิตคืนบ้างมิได้เล่า นกลงมาให้กำลังใจลุ้นสุดตัวอยู่ข้างๆ กวางก็รีบเอาเขายกกระสอบขึ้นแล้วทิ้งทุ่มลงดิน ขวิดพัลวันจนกระสอบฉีกขาดพาเต่าออกมาลงน้ำ กวางกล่าวกับสอง หายอย่างซาบซึ้ง
ใจจริงๆ ว่า..

    "เราได้ชีวิตคืนมาเพราะได้พวกท่านแท้ๆ คุณธรรมน้ำใจมิตรนี้ท่านได้ทำแก่เราแล้ว เดี๋ยวนายพรานคงจะมารังควานพวกเราอีก ฉะนั้นตอนนี้สหายนกเอ๋ย! ท่านจงพาลูกเล็กๆ ของท่านย้ายไปที่อื่นก่อนเถิด เดี๋ยวจะไม่ทันการณ์สหายเต่า! ท่านจงรีบลงน้ำลึกไปรักษาตัวเถิดนะ"

 

               นับแต่นั้นมาสัตว์ 3สหายก็ได้พิสูจน์ความเป็นมิตรแท้แน่นอนแล้ว กลับยิ่งซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน
แน่นแฟ้นจนใครๆ มิอาจทำลายมิตรธรรมของทั้ง 3 ลงได้เลยคุณธรรมแห่งมิตรติดตัวไปจนตาย

 

ประชุมชาดก
             พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า นายพรานครั้งนั้นมาเป็นเทวทัต นกสตปัตตะมาเป็นสารีบุตรเต่ามาเป็นโมคคัลลานะ กวางมาเป็นตถาคตแล

 

               จากชาดกเรื่องนี้ เบื้องต้นกวางต้องการรักษาชีวิตตน ต่อมายอมสละชีวิตตนคืนบ้าง ทั้งสองแสดงความจริงใจไม่ทิ้งมิตรธรรมต่อกัน ชื่อว่ารักธรรมยิ่งกว่าชีวิต จึงวางใจวางชีวิตให้แก่กันได้ส่วนผู้ที่คอยจะเอาเปรียบผู้อื่นเสมอ เมื่อคบใครก็มุ่งจะเอาเปรียบเพื่อน เอาความซื่อตรงจริงใจของเพื่อนมาใช้หาความสุขใส่ตัวโดยไม่คำนึงถึงทุกข์ของเพื่อน เป็นการทำลายสัจจบารมีของตนลงอย่างยิ่ง เมื่อไม่จริงใจ ต่อมิตรได้ ก็ไม่จริงใจต่อคนทั้งหลายได้

 

"นิสัยมีน้ำใสใจจริง, ไม่เป็นคนเทียมมิตร, ไม่ทิ้งสหายยามมีภัย, ไม่ดีแต่พูด, รักษา
มิตรธรรมแม้ต้องแลกด้วยชีวิต และไม่รักตัวกลัวตายจนทิ้งธรรม" ทั้งหมดนี้จึงนับเป็นนิสัยในวิถี
นักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในสัจจบารมี

 

ในส่วนท้ายนี้จะเสริมถึงลักษณะของมิตรแท้แลมิตรเทียมดังนี้..
             มิตรเก๊ 4 เหล่านี้ พึงทราบว่าไม่ใช่มิตรคือ มิตรปอกลอก มิตรดีแต่พูด มิตรหัวประจบ และมิตรชักชวนไปทางฉิบหาย พึงเว้นเสียให้ห่างไกลเหมือนคนเดินทางเว้นทางมีภัยเฉพาะหน้า ฉะนั้นมิตรปอกลอก เปรียบเหมือนทากคอยสูบชีวิตของเพื่อนไปคิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว เสียให้น้อยแต่เอาให้มาก ยามเพื่อนเดือดร้อนก็ไม่รับทำกิจของเพื่อนคบหาเพราะเห็นแก่ประโยชน์ตนเท่านั้น,ส่วนมิตรดีแต่พูด มักพูดเลื่อนลอย ชอบอ้างสิ่งที่ล่วงเลยมาแล้วและสิ่งที่ยังไม่เกิดมาพูด ช่วยเหลือในสิ่งไร้สาระ แต่ยามต้องการให้ช่วยก็แสดงอาการขัดข้อง,ส่วนมิตรหัวประจบ เมื่อเพื่อนทำชั่วก็คล้อยตามยามเพื่อนทำดีก็คล้อยตาม ต่อหน้าก็สรรเสริญ แต่ลับหลังกลับนินทา,ส่วนมิตรชักชวนไปทางฉิบหายเปรียบเหมือนโจรคอยปล้นความดีของเพื่อน ชักชวนให้ตกในโมหะ หลงมัวเมา ชวนให้ดูหนัง ดูการละเล่นชวนพนัน เที่ยวกลางคืน ดื่มน้ำเมา ทำให้ประมาทในชีวิต

 

               มิตรแท้ 4 เหล่านี้คือ มิตรมีอุปการะ มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ มิตรแนะประโยชน์ และมิตรมี
ความรักใคร่ พึงทราบว่าเป็นมิตรแท้ควรเข้าไปคบหาโดยเคารพเหมือนมารดากับบุตร ฉะนั้น

              มิตรมีอุปการะคอยรักษาเพื่อนผู้ประมาทแล้ว รักษาทรัพย์ของเพื่อน พึ่งพิงได้ยามภัยมา เมื่อมี
กิจเกิดขึ้นก็ช่วยเป็นสองเท่า,ส่วนมิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ยินดีบอกความลับแก่เพื่อน ปิดความลับของเพื่อน
ไม่ละทิ้งยามอันตราย แม้ชีวิตก็สละเพื่อประโยชน์แก่เพื่อนได้,ส่วนมิตรแนะประโยชน์ ห้ามเพื่อนจากความชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดี ให้ฟังสิ่งที่ไม่เคยฟัง และบอกทางสวรรค์นิพพานให้,ส่วนมิตรมีความรักใคร่ ไม่ยินดีในความเสื่อมของเพื่อน ยินดีในความเจริญของเพื่อน ห้ามคนที่กล่าวโทษเพื่อนสรรเสริญคนที่สรรเสริญเพื่อน

              ผู้ที่กล่าวแต่ปากว่าเพื่อนๆ ก็มีส่วนผู้ใดเป็นสหายจริง เมื่อความต้องการความช่วยเหลือเกิดขึ้น
ผู้นั้นจึงปรากฏ ผู้นั้นจัดว่าเป็นเพื่อนแท้ ชนเหล่าใดคบเพื่อนต่ำช้า ไม่คบหาเพื่อนที่เจริญ ชนเหล่า
นั้นย่อมเสื่อมลงดุจดวงจันทร์ข้างแรม

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.001406200726827 Mins