วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ ความเคารพ อดทน และมีวินัย ทำให้คุณยายเป็นผู้มีคุณธรรมสูงสุด

ความเคารพ อดทนและมีวินัย

ทำให้คุณยายเป็นผู้มีคุณธรรมสูงสุด

cv_%204606_%2097.jpg
โดย : พระสังสิทธิ์ สิทธิวัฑฒโน

                ทุกครั้งที่หลวงพี่มีโอกาสได้กราบพระ จะกราบพระประธานที่โบสถ์ก็ดี หรือกราบพระประธานที่ไหนก็ตาม จะส่งใจนึกถึงพระคุณอันสูงสุดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ

            กราบครั้งที่ ๑ ระลึกถึงความเป็นผู้มีปัญญาธิคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

            กราบครั้งที่ ๒ ระลึกถึงความเป็นผู้มีบริสุทธิคุณ

            กราบครั้งที่ ๓ ระลึกถึงความเป็นผู้มีกรุณาธิคุณ

 

            หมายความว่ามนุษย์แต่ละท่าน ถ้าจะทําความดี บำเพ็ญบารมีให้สูงสุดแล้ว ที่สุดของการสร้างความดีบารมีนั้นก็คือ คุณธรรม ๓ ข้อนี้แหละ คือปัญญาธิคุณ กรุณาธิคุณและบริสุทธิคุณ แต่ ๓ ข้อนี้ไม่ใช่มาอย่างง่ายๆ บุคคลท่านนั้นจําเป็นจะต้องมีการฝึกฝนตนเอง เป็นขั้นเป็นตอน ซ้ำแล้วซ้ำเล่านับภพนับชาติไม่ถ้วน และความดีที่จะมารองรับคุณธรรม ๓ ประการนั้นก็คือ บุคคลใดก็ตามถ้าจะมีปัญญาธิคุณ จะต้องมีความเคารพเป็นอย่างยิ่ง ความเคารพนี่แหละจะเป็นที่มาของความรู้ เป็นที่มาของปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม

 


                ความเป็นผู้มีวินัย รักษากฎระเบียบกฎหมายอะไรต่างๆ หรือแม้กระทั่งศีลศีลาจารวัตรต่างๆ ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือ ๒๒๗ นั้น ถ้าทำอย่างที่สุดแล้ว ก็จะเป็นที่มาของความเป็นผู้บริสุทธิ์ และอีกเช่นกันจะต้องมี ความอดทนเป็นอย่างยิ่ง จึงจะได้มาซึ่งความ เป็นผู้มีกรุณาธิคุณ

 


                ๓ สิ่งนี้พวกเรา ถ้ามีโอกาสได้ท่อง มีโอกาสได้อ่าน หลวงพี่มั่นใจว่าพวกเราอาจจะไม่ซึ้ง แต่เพราะมีคุณยาย มีหลวงพ่อ มีหมู่คณะ ทำให้ภาพการสร้างบารมี ซึ่งอยู่ในพระไตรปิฎก มีเกือบทุกพระสูตรทีเดียว เห็นได้ว่าไม่ยากเกินไป มีต้นแบบอยู่ใกล้ๆ ตัวและโชคดียิ่งกว่านั้น เรามีครูร่วมสมัย ไม่ใช่ครูในหนังสือ แต่เป็นครูที่เราได้กราบไหว้จริงๆ ได้ทําบุญกับท่าน พวกเราเป็นผู้มีโชคดีที่ได้เจอครูดีๆ 

 


                คุณยายของเรา ท่านสั่งสมคุณธรรม ๓ ข้อนี้มาตลอดชีวิต ท่านสั่งสมมาข้ามภพข้ามชาติ ตลอดชีวิตของคุณยาย ถ้าจะสรุปแบ่งเป็น ๓ ช่วง ชีวิตของคุณยาย ช่วงแรก ช่วงกลาง และช่วงปลาย

 


                ช่วงแรกคือช่วงวัยเด็ก คุณยายของเราสร้างความดีต่างๆ ขยันขันแข็ง จนได้รับฉายาหรือสมญานามในสมัยนั้น “แข้งเหล็ก” หมายความว่าในบรรดาเพื่อนๆ นั้นเป็นลูกชาวนา นาแปลงไหนก็ตามที่ว่าขยันแล้วลองมาเจอคุณยาย สู้ไม่ได้ นาของคุณยายวัชพืชไม่มีเลย ผลผลิตทุกอย่างสูงหมด นี่คือความขยันของคุณยาย จึงได้สมญานาม ในยุคแรกว่าแข้งเหล็ก ถ้าไม่มีความอดทน ไม่มีความเคารพ และไม่มีวินัยล่ะก็ เด็กอายุ ๑๒ ขวบ คงไม่ได้ฉายาอย่างนี้หรอก

 


                ต่อมามีเรื่องสะเทือนใจคุณยาย คือเรื่องที่คุณพ่อเมาสุราแล้วทะเลาะกับคุณแม่ในยุคนั้น จนมีปากเสียงกัน เพราะฤทธิ์สุราทำให้ท่านขาดสติ เผลอกล่าวแช่ง คุณยายให้หูหนวก ๕๐๐ ชาติ คำพูดประโยค นี้ได้ฝังใจคุณยายในวัย ๑๒ ขวบ แล้วคุณยายก็มีความตั้งใจว่า สักวันหนึ่งก่อนที่คุณพ่อจะจากไป จะขอขมาให้ได้ ความที่อยากจะขอขมาคุณพ่อฝังอยู่ในใจคุณยายมาตลอด อันนี้เป็นเครื่องวัดได้อย่างหนึ่ง ว่าคุณยายของเรานั้นเป็นผู้มีความเคารพ เคารพต่อคุณพ่อคุณแม่จริงๆ เคารพแล้วก็ เชื่อในคำให้พรหรือคำแช่งของคุณพ่อคุณแม่

 


                จนในที่สุดพออายุ ๑๘ ปี คุณยายได้ยินข่าวหลวงปู่วัดปากน้ำสอนวิชชา ให้คนเข้าถึงพระธรรมกายได้แล้วไปนรกสวรรค์ได้ ความปรารถนาเดิมก็พุ่งขึ้นมา ดีใจที่สุดจะได้ไปขอขมาแล้ว แต่ว่ายังไป ไม่ได้ เพราะว่าฐานะที่บ้านยังไม่ลงตัว ก็ใช้ความอดทนนั่นแหละ พยายามทำงานต่างๆ ทําไร่ทำนา และในที่สุดคุณยายก็สามารถปลดหนี้ปลดสินอะไรต่างๆ ได้ มีฐานะที่มั่งคั่งขึ้นมาดีทีเดียวในยุคนั้น

 


                อายุคุณยายล่วงมาถึงใกล้ๆ เบญจเพส คุณยายได้ตัดสินใจออกจากบ้าน มีเป้าหมาย ว่าจะไปหาหลวงปู่วัดปากน้ำฯ ให้ได้ ก็ใช้ปัญญา รู้ว่ามีคุณนายเลี้ยบที่เป็นเศรษฐีใหญ่พาหุรัด อุปัฏฐากหลวงปู่วัดปากน้ำฯ ก็ยอม ตนเป็นคนใช้เขา นี่แหละคือคุณยายจะต้อง ใช้ความอดทนทีเดียว จากคนที่อยู่สบายเป็นปกติ ชีวิตราบรื่นตลอด ลดตัวเป็นคนใช้เพื่อ จะได้เป็นสะพานไปถึงหลวงปู่วัดปากน้ำฯ จุดนี้ก็ไม่ใช่ธรรมดา คุณยายทําได้สําเร็จ

 


                ในที่สุดแล้วก็สามารถได้พบคุณยายทองสุก และสามารถเข้าถึงพระธรรมกาย ไปช่วยคุณพ่อได้ ความตั้งใจที่อยู่ในใจ ๑๐ กว่าปีก็บรรลุผล คือได้ไปขอขมาคุณพ่อ ไปช่วยคุณพ่อได้ การท่าอย่างนี้ได้ ถ้าไม่ใช่ มีคุณธรรมความเคารพ ทําไม่ได้ ความเคารพนี่ฝังแน่นอยู่ในวิสัยของยายจริงๆ ทำให้คุณยายสามารถหาสิ่งที่ตั้งใจ ซึ่งแม้ยาวนานก็หาได้สําเร็จ ไปขอขมาแล้ว ก็ช่วยคุณพ่อได้ น้อยคนนักที่จะทําอย่างนี้ได้

 

        
                ในที่สุดแล้วยายก็ได้ทําวิชชา ได้เรียนรู้วิชชาที่หลวงปู่วัดปากน้ำฯ ได้ค้นพบขึ้นมาและวิชชานี้แหละได้ช่วยปลดทุกข์มนุษย์และทุกข์ที่สุดในยุคนั้นก็คือสงครามโลกครั้งที่ ๒ คุณยายได้ช่วยเต็มที่ คุณยายของเราท่านมีความอดทนและมีวินัยอย่างยิ่ง ระเบียบต่างๆ ของวัดปากน้ำฯ ของหลวงปู่วัดปากน้ำฯ คุณยายสอบผ่านหมดทุกอย่างเลย

 


                สังเกตว่าคุณยายจะไปไหนก็ตาม ท่านชนะใจคนทั้งหมดเลย ยุคเด็กก็คือชนะใจเพื่อนๆ ยุคกลางก็ชนะใจครูบาอาจารย์ หลวงปู่วัดปากน้ำฯ ให้สมญานามหนึ่งไม่มีสอง พอมายุคปลายของท่าน ก็ชนะใจลูกศิษย์คือก่อนที่หลวงปู่วัดปากน้ำฯ จะมรณภาพ ท่านได้ฝากให้ช่วยกันขยายงานวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก หลวงปู่วัดปากน้ำ สั่งครั้งเดียว ๕ ปีก่อนมรณภาพ สั่งแค่ครั้งเดียว ไม่มีซ้ำสองไม่ต้องเขี่ยกันบ่อยๆ ไม่ต้องเตือนกันบ่อยๆ คุณยายทรงจำ เคารพในคำสั่ง และเอาคำสั่งนี้แหละมาปฏิบัติ ไม่ไปไหนอยู่วัดปากน้ำฯ อยู่สอนธรรมะจนพบหมู่คณะ ก็คือหมู่คณะของหลวงพ่อธัมมชโยและพวกเราในยุคต้นๆ เพราะความอดทนนั่นแหละทําให้คุณยายสามารถทำคำสั่งของหลวงปู่วัดปากน้ำฯ ได้สำเร็จ และคำสั่งที่บอกว่าช่วยกันขยายวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก ประโยคเดียวสั้นๆ แต่ทำทั้งชีวิต ไม่ใช่มาแค่แป๊บเดียว แล้วก็จบแล้วก็กลับบ้านนอน ไม่ใช่ ต้องทำทั้งชีวิตทีเดียว ทำอย่างไรให้วิชชาธรรมกายขยายไปทั่วโลกได้ ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ หลวงปู่วัดปากน้ำฯ ก็สิ้นบุญไปแล้ว คุณยายก็ไม่รู้หนังสือ ก. ข. ก็อ่านไม่ออก

 


                แต่คุณยายมีสิ่งๆ หนึ่งเป็นตัวผลักดันให้คุณยายสามารถบรรลุเป้าหมายได้ สิ่งๆ นั้นก็คือ “จริงตัวเดียว” คำว่าจริงตัวเดียวนี่แหละ ทําให้คุณยายสามารถแปลงคำสั่งของครูบาอาจารย์ให้เป็นรูปธรรมและถึงเป้าหมายได้ คุณยายเคยบอกไว้ว่า “คนเรานี่จะทำอะไรก็ตาม ขอให้ทำให้จริง ดูอย่างยาย ความรู้ก็ไม่มี ปริญญาก็ไม่ได้ยายมีแต่จริงอย่างเดียว ยายยังสร้างวัดได้นี่เป็นคำพูดของคุณยาย แล้วยายก็พิจารณาดูว่าที่เขาทำกันไม่ได้ ไม่สำเร็จ เพราะเขาทําไม่จริง”

 


                พอยายมีคำว่าจริงก็ทำได้ การสอนธรรมะก็สอนได้ การขยายวิชชาธรรมกายไปทั่วโลกนั้น ก็ได้แต่คุณยายทําครบวงจรคุณยายของเราเก่ง แม้ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้เรียนหลักการบริหารอะไรทั้งสิ้น แต่ คุณยายทําไมมองออก ว่าจะทำงานใหญ่ต้องทำงานเป็นทีม ทำเดี่ยวไม่ได้ และคุณยาย มีความตั้งใจว่าสักวันหนึ่ง คุณยายจะต้องสร้างวัดให้ได้ พอยายมีโอกาส ยายก็สร้างวัด เพราะเห็นว่าการสร้างวัดจะเป็นที่มา ของการรวบรวมหมู่คณะที่จะสร้างบารมีกันเป็นทีมได้


        

 

cv_%204606_%2098.jpg                                                                                                                                     


                คุณยายทํางานอย่างมีแผนงาน ทั้งศาสตร์และศิลป์ การจะสร้างวัดจะสร้างวัตถุต้องสร้างคนก่อน คุณยายมาสร้าง ทีมงานก่อน จะสร้างทีมงานได้คุณยายก็ มองว่าต้องมีต้นแบบก่อน ต้นแบบของ คุณยายในยุคนั้นก็คือ ๒ ท่าน ฝ่ายชายก็คือ หลวงพ่อธัมมชโยเป็นต้นแบบ ให้ทีมงาน ในยุคนั้นดูเป็นต้นแบบ ฝ่ายหญิงก็ป้าเข่ง (เข่งแข จิระชุติโรจน์) เป็นต้นแบบของฝ่ายหญิง เมื่อได้ต้นแบบซ้ายขวา ชายหญิงแล้ว ก็ขยายทีมงานออกไปอย่างเป็นขั้นตอน และมีศิลปะแล้วประคับประคองให้หมู่คณะได้สร้างบารมีอย่างเต็มที่

 


                คุณยายเริ่มต้นสร้างวัดด้วยทุนเพียง ๓,๒๐๐ บาท ในวันมาฆบูชาปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ด้วยมโนปณิธานที่จะสร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนให้เป็นคนดี ด้วยหลักปฏิรูปเทส ๔ สัปปายะ ๔ วัดของคุณยายจึงเติบโต ก้าวหน้า เจริญรุ่งเรืองทุกด้าน ทั้งวัตถุ บุคคล จิตใจ

 


                คุณยายและหลวงพ่อขยายวิชชาแบบรุกในรับ คือทาวัดให้ดี ท่าพระให้ดี ทำคนให้เป็นคนดี มีศีลธรรม นี่คือยุทธศาสตร์การเผยแผ่ธรรมไปทั่วโลกอันชาญฉลาดของคุณยายที่เข้าเป้าแบบประหยัดสุดประโยชน์สูง

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด อยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล