อ า นุ ภ า พ แ ห่ ง บุ ญ
รวย! กะทันหันทันใช้....
ทั้งสองเริ่มอาชีพจากการ นำของเก่าที่เขาทิ้งแล้วไปขาย เพียงเพื่อให้ครอบครัวอยู่ในยุค IMF... แต่ด้วยสัญชาตญาณของลูกนกอินทรีย์ ที่ไม่ใช่ลูกไก่ จากการค้าของเก่า... เติบโตเป็นบริษัทขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มั่นคงภายในปีเดียว... เศรษฐีใหม่มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะเขาและเธอ “ทำบุญอย่างถูกหลักวิชชา”
...ลมเย็นๆ ที่อบอวลไปด้วยพลังมวลแห่งความบริสุทธิ์ ภายในสภาธรรมกายสากล ช่วยทำให้บรรยากาศในการสนทนากับ “ครอบครัว เค้ามาก” ดำเนินไปอย่างสบายๆ และเป็นกันเองโดยมีเสียงอ้อแอ้ ของน้องโป้ง และปัญหาเล็กๆ ของพี่แป้งวัยสี่ขวบ เรียกร้องให้ผู้ใหญ่หันมาเอาใจใส่หนูบ้าง สลับฉากการสนทนาเป็นระยะ ๆ
เส้นผมบังภูเขา
คุณมาณพและคุณกรรณิกา เริ่มต้นชีวิตคู่ในยุคฟองสบู่แตก หลายๆ คนในเมืองหลวงที่ฝากชีวิตไว้กับออฟฟิศ ต้องถูกลอยแพ ถูกเชิญให้พักงาน เพราะนโยบายของบริษัทต้องลดต้นทุน ซึ่งทั้งสองคนหนีไม่พ้นชะตากรรมนี้ด้วยคือ ตกงาน.?. เป็นเพียงอดีตพนักงานธนาคารและเงินทุนหลักทรัพย์ เมื่อชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป คุณมาณพยังหาจุดเริ่มต้นอาชีพใหม่ไม่พบ ไม่กี่เดือนต่อมาคุณกรรณิกาก็ถูกออกจากงานอีก ทั้งสองจึงต้องเร่งหาลู่ทางประกอบอาชีพใหม่ พอดีคุณกรรณิกา เรียนจบทางด้านคอมพิวเตอร์ และรู้ว่าตลับหมึกเก่า ที่ใช้งานน้ำหมึกหมดนั้นยังสามารถนํามาทําความสะอาดแล้วขายได้อีก
“คุณมาณพเข้าวัดก่อนดิฉัน ช่วงที่ตกงานถึงชีวิตจะเจอวิกฤตอย่างไร เราก็ไปวัดเป็นปกติ บางอาทิตย์ก็ไม่มีเงินทำบุญแต่เราก็ไป เพราะเชื่อมั่นว่า ถ้าเรามีบุญเยอะขึ้นชีวิตก็จะดีขึ้น” คุณกรรณิกา เริ่มเล่าประสบการณ์ด้วยนํ้าเสียงและประกายตาที่เชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
“เริ่มใหม่ๆ เราสองคนก็ตระเวนไปตามบริษัทใหญ่ๆ ที่ใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อหาตลับหมึกเก่า บางแห่งก็ให้มาฟรี บางแห่งก็ซื้อได้ในราคาถูก ลองทำดูสักระยะ รายได้พออยู่ได้เพราะลงทุนน้อย บางวันเราได้ของมามากแทบจะไม่ได้นอนกันเลย เพราะต้องรีบทําจะได้รีบขายให้มีเงินเข้ามา พอเริ่มมีกำไรเราก็ได้ทำบุญบ่อยขึ้น ได้ทำทุกบุญแต่ทำแบบวิตกกังวล คิดนาน... ทำนิดๆ หน่อยๆ แบบเผื่อเหนียวเพราะกลัวตกบุญ... ไม่กล้าทำแบบสุดใจอย่างที่ใจอยากทำ ๑-๒ ปีแรกเราสร้างบารมีกันแบบนี้ การค้าของเราก็อยู่ในลักษณะติดๆ ขัดๆ กว่าจะได้เงินมาและแบ่งไปทำบุญได้นั้นช้ามาก.. ใช่ไหมคะพี่” คุณกรรณิกาหันไปขอแรงสนับสนุนจากคู่บุญที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ใช่ครับ คือการค้ามันอืดๆ จนกระทั่งเราได้ทำบุญกฐินปี ๔๔ และกฐินปี ๔๕
“ใช่แล้วค่ะกฐิน... บุญกฐินนี่แหละที่ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นอย่างรวดเร็ว” คุณกรรณิกาอาศัยความไว (ในการเจรจา) ที่เหนือชั้นกว่า ชิงเล่าต่อ
“ในปี ๔๔ เป็นการทอดกฐินเพื่อสร้างมหาวิหารหลวงปู่วัดปากน้ำ ซึ่งเป็นกฐินครั้งสุดท้ายก่อนสลายร่างคุณยายอาจารย์ เราสองคนอยากทำจังเลย ประธานกฐิน อยากทำบุญใหญ่กับหลวงปู่และคุณยายสักครั้ง ตอนนั้นตังค์เรามีไม่มาก มีเงินแสน ก้อนแรกของครอบครัว ก็คิดกันอยู่นานเหมือนกัน กลัวหมดกลัวจะหาไม่ได้อีก ก็พอดีมีน้องซึ่งทําหน้าที่กัลยาณมิตรมาบอกให้ตัดใจทำไปเลย คุณมาณพก็ตัดใจรับ ไหนๆ ก็ตัดใจแล้ว ก็ถวายภายในอาทิตย์นั้นเลยหนึ่งแสนบาททันที หลังจากนั้นเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้น ภายในสองอาทิตย์เรามีรายได้เข้ามาได้ถวายอีกสองแสน ไม่น่าเชื่อเราจะมีเงินแสนถวายอีกอย่างต่อเนื่องเดี๋ยวแสนๆ รู้สึกสนุก มีรสมีชาติในการสร้างบารมีมากจนถึงโค้งสุดท้ายก่อนวันทอดกฐิน ขาดอีกแค่แสนเดียวก็จะเต็มกอง
พรุ่งนี้จะถวายแล้ว...ในวันนั้นเราก็ใจจดใจจ่อต้องมีปัจจัยเข้ามาถวายให้ได้สําเร็จค่ะ... ลูกค้าคนใหม่ไม่รู้มาจากไหน เขาต้องการสินค้าของเรา เพื่อนำส่งอเมริกาและพอใจสินค้าของเรามาก ถูกใจไปหมดให้ราคาดีจนประหลาดใจ ซื้อเลยมีเท่าไหร่เอาหมด เราก็บรรจุนับของกันอย่างรวดเร็วปรากฏว่าสินค้าทั้งหมด คิดเงินแล้วได้จํานวนใกล้เคียงกับที่เราต้องการพอดี สรุปแล้วกฐินปี ๔๔ เราพบกับอานุภาพบุญ จากไม่กล้าทํา แต่เมื่อตัดใจทํา....กลับได้ทําบุญถึงเจ็ดแสนบาทในกองกฐินนี้ สุขใจมากค่ะ เข้าใจคำว่า “ซื้อง่ายขายคล่อง” อ๋อเป็นแบบนี้เอง ชีวิตเราเริ่มดีขึ้น
ยิ่งให้ ก็ยิ่งได้ (The more you give, The more you get.)
ครอบครัวใหม่ที่เริ่มต้นชีวิตคู่ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจ....ช่างน่าอัศจรรย์ใจที่สามารถฟันฝ่าไปได้อย่างสบายๆ มาตามรายละเอียดกันดูดีกว่าว่าเขาทำอย่างไร ถึงพังเขื่อนแตก.??
“พอเราทำบุญเป็น ใจก็ขยายใหญ่ขึ้นกฐินปี ๔๕ ครั้งนี้สำคัญเพราะเป็นกฐินที่มีหลวงพ่อท่านเป็นประธาน.. เคยได้ยินแต่กฐินที่คุณยายท่านเป็นประธานครั้งแรก คุณมาณพบอกว่า บุญเยอะมาก ดิฉันไม่มีโอกาสได้ทำเพราะมาไม่ทัน ครั้งนี้มาทันหลวงพ่อ จึงอยากทํา
..กิจการของเราตอนนั้นก็ดีวันดีคืน เริ่มคิดจะขยายงานล่ะ ครั้งนี้จึงปรึกษากันว่าเราจะทำแบบสบายๆ สองแสนบาท ก็ตกลงกันตามนั้น... เหตุการณ์มาพลิกผัน เมื่อคุณมาณพกลับจากการปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์รุ่น “พันธุ์ตะวัน” ใจเขาเปิดมากมาถึงก็บอกว่า “กฐินครั้งนี้เราทำแค่นี้ไม่ได้แล้ว ต้องทำแบบสุดใจ ถวายหนึ่งล้านไปเลย” พอได้ฟังดิฉันก็ดีใจที่ได้ทำบุญกับหลวงพ่อแบบสุดใจ ให้สมกับพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่าน... หายตื่นเต้นดีใจแล้วก็มานั่งคิด... ภายในสัปดาห์เดียวเราจะไปหาเงินล้านมาจากไหนล่ะเนี่ย ?? จึงถามคุณมาณพดู
“ไหนลองไล่มาซิ ? ว่าคุณจะไปเอาเงินมาจากไหน!? ลองบอกมาซิ” เขาก็มองไปรอบๆ ร้านบอกว่าเรามีตลับหมึกรุ่นนี้ๆ เท่านี้ๆ ต้องขายให้ได้ราคาดีที่สุดและให้หมดทุกรุ่นที่มีถึงจะได้ปัจจัยมาพอดี ต้องทำให้สำเร็จด้วยจะได้เป็นแบบอย่าง ไปเปิดใจเจ๊เล็กที่เรารักและเคารพให้ทำตามได้อีก แล้วคุณมาณพก็บอก “เราจะถวายพรุ่งนี้กันเลย”
... ที่วัด คุณมาณพเขียนเช็คหนึ่งล้านถวายต่อหน้าเจ๊เล็กทันที และชวนให้เจ๊ร่วมอนุโมทนาบุญ... พร้อมกับพูดเปิดใจถึงอานิสงส์ของบุญครั้งนี้ ปรากฏว่าได้ผล รุ่งขึ้นเจ๊เล็กซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์มาบอก เจ๊ตัดสินใจได้แล้วและกำลังจะไปธนาคาร ไปเบิกเงินและแลกแบงก์ใหม่ๆ เจ๊จะถวายเป็นเงินสด “เธออยากเห็นเงินล้านไหม ? ไปดูด้วยกันซิ”
เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยจับเงินล้านเลย เราสองคนก็อยากถวายเงินสดกับเขาด้วย จึงบอกเจ๊เล็กไปว่า “งั้นเดี๋ยวเราจะถวายเป็นเงินสดเหมือนกันจะได้ไปถวายพร้อมกัน” ใจสั่งให้ปากพูดไป
แต่..ยังไม่รู้เลยว่าภายในอาทิตย์เดียวจะไปหาเงินสดมาจากไหน มีวิธีเดียวคือขายของให้ได้ แล้วต้องเป็นเงินสดเท่านั้น... ลุยเลยค่ะ วันจันทร์ก็เริ่มโทรหาลูกค้า..หาๆ ๆ จนกระทั่งเจอลูกค้าที่ให้ราคาสูงสุดจริงๆ อย่างไม่น่าเชื่อ และหอบเงินสดมาซื้อด้วย เขานัดรับเงินในช่วงบ่ายสามโมงของเย็นวันศุกร์
คิดดูนะว่ามันน่าตื่นเต้นขนาดไหนเราสองคนหอบเงินล้านเข้าบ้าน ช่วยกันนำเงินมาเรียงกองอย่างสวยงามไว้หน้าหิ้งพระ เรียกญาติพี่น้องมาอนุโมทนาบุญ ทั้งปีติ ทั้งตื่นเต้นมีความสุขทั้งคืนที่ทำบุญใหญ่ได้สำเร็จ รุ่งเช้านำไปถวายด้วยความเบิกบาน ปลื้มตลอด...
ใจฟู เงินก็ฟู
พอเงินล้านหมดไปแล้ว แต่เรายังปลื้มไม่เลิก อานุภาพบุญเกิด สินค้าเราขายดียิ่งขึ้น ยอดขายจากเมื่อก่อนกว่าจะขายได้เดือนละล้าน ต้องลุ้นแล้วลุ้นอีก สินค้าบางตัวเราได้กำไรถึง ๒๐๐-๓๐๐ เปอร์เซ็นต์ ใจเราฟู เงินก็ฟู เดี๋ยวนี้เดือนละล้านกว่าสองล้านสบายๆ กิจการจําเป็นต้องขยายอย่างเร่งด่วนสั่งของมากขึ้นพื้นที่ก็แคบลง ต้องหาตึกใหม่ซึ่งก็มีตึกห้าชั้นสี่คูหา ทำเลดีอยู่ถัดไปเราเคยพยายามไปติดต่อขอเช่าหลายครั้ง แต่เจ้าของที่เป็นชาวต่างประเทศก็ไม่ยอมตกลง..หลังถวายกฐินผ่านไป แค่อาทิตย์เดียวเลขาของเจ้าของตึกก็โทรติดต่อมาบอกว่า ตึกที่ต้องการเช่านั้นเจ้านายไม่ให้เช่าแต่จะขายเลย ทางเราต้องการซื้อราคาเท่าไหร่ให้มาคุยกัน ดีใจกันใหญ่ที่จะได้พื้นที่ใหม่กว้างขวางกว่าเก่า ดิฉันและคุณมาณพยังมีประสบการณ์น้อย...โชคดีที่ได้กัลยาณมิตรคือเจ๊เล็ก ซึ่งเอ็นดูครอบครัวเรา อยากให้เราตั้งตัวได้ มาช่วยเจรจาต่อรองให้ ตกลงกันได้ในราคาสี่ล้านบาท ตึกห้าชั้นสี่คูหาเป็นราคาที่ถูกมาก.. แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่า ต้องซื้อเงินสดและจ่ายภายในเดือนนั้นด้วย ที่สำคัญเงินก้อนใหญ่เรายังไม่มี... ปัญหานี้หมดไปอย่างง่ายๆ
เมื่อเจ๊เล็กบอกว่าจะช่วย เมื่อนำตึกไปประเมินราคา ทางธนาคารให้ถึงแปดล้านบาท แรกๆ เริ่มงานทำกันอยู่แค่ ๔ คนกับลูกน้อง ปัจจุบัน บริษัท คิงส์ ออฟ โทนเนอร์ ของเรามีพนักงานทั้งหมด ๑๘ คน
มีธุรกิจคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มาติดต่อซื้อสินค้าจากบริษัทของเรา ...สิ่งดีๆ ในทุกด้านที่เราได้รับในเวลาอันรวดเร็วราวกับเนรมิตนี้ ดิฉันและคุณมาณพเชื่อมั่นค่ะว่าเพราะ “บุญมหากฐินที่เราทําแบบสุดใจ” คุณกรรณิกา สรุปในตอนท้ายได้น่าฟังทีเดียว
“ดิฉันประทับใจคําสอนของหลวงพ่อประโยคนี้มาก “ยิ่งให้ ใจยิ่งใหญ่” คือเราจะมองไม่เห็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่จะมาเป็นอุปสรรคขัดขวางทําให้ใจเราสะดุด....ทุกๆ วันจะทําให้เราดำเนินชีวิตประจำวันดีขึ้นๆ นับถอยหลังจากนี้ไปอีก ๔ เดือนก็จะถึงวันมหากฐินใหญ่ของปีนี้ ดิฉันและคุณมาณพตั้งใจไว้ว่า เราจะสร้างบารมีแบบสุดใจให้มากยิ่งกว่าเดิม มีเท่าไหร่เทหมดใจ เราต้องเป็นหนึ่งในวันมหาปีตินี้แน่นอนค่ะ”
...เมื่อใจขยายไร้ขอบเขต (Unlimited Heart) บุญที่ทำในปัจจุบัน เปิดช่องให้บุญในอดีตตามทัน ส่งผังรวยให้คุณมาณพและคุณกรรณิกา พบชัยชนะที่ไม่มีวันกลับมาแพ้... เพราะเขาและเธอพบเทคนิคง่ายๆ เหมือนเส้นผมที่บังภูเขา “ยิ่งให้ ยิ่งรวย” นั่นเอง